ติดตั้งรหัสส่วนขยายและ URL การอัปเดตอย่างเงียบๆ ระบุว่าจะใช้ p2p สำหรับส่วนข้อมูลการอัปเดต OS ไหม หากตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะแชร์และพยายามรับส่วนข้อมูลการอัปเดตบน LAN ซึ่งอาจลดแบนด์วิดท์และความคับคั่งในอินเทอร์เน็ต หากส่วนข้อมูลการอัปเดตไม่พร้อมใช้งานบน LAN อุปกรณ์จะกลับไปใช้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า p2p จะไม่ถูกใช้งาน ภาษาของแอปพลิเคชัน URL ที่แนะนำโดยผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น ลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ได้อยู่ในชุดเนื้อหา นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายในโดย Chrome เอง ค่าตัวอย่าง: ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้คำแนะนำการค้นหา URL ควรจะมีสตริง "" ซึ่งจะถูกแทนที่เมื่อเวลาที่ค้นหาโดยข้อความที่ผู้ใช้ป้อน นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการใช้ URL ที่แนะนำ นโยบายนี้มีการใช้งานเฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น เปิดใช้งานตัวจัดการรหัสผ่าน อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง หากเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า (ค่าเริ่มต้น) ผู้ใช้จะได้รับแจ้งสำหรับ การเข้าถึงการจับเสียงยกเว้น URL ที่กำหนดค่าใน รายการ AudioCaptureAllowedUrls ซึ่งจะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงโดยไม่ต้องแจ้ง เมื่อนโยบายนี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งและการจับ เสียงจะมีใช้งานแก่ URL ที่กำหนดค่าใน AudioCaptureAllowedUrls เท่านั้น นโยบายนี้มีผลกระทบต่ออินพุตเสียงทุกประเภทและไม่ใช่เพียงแค่ไมโครโฟนในตัว แป้นสื่อมีค่าเริ่มต้นเป็นแป้นฟังก์ชัน นโยบายนี้เลิกใช้แล้ว โปรดใช้ IncognitoModeAvailability แทน เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนใน หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตน หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานและผู้ใช้จะสามารถใช้โหมดไม่ระบุตัวตนได้ จำกัดเวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์โดยการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติ เมื่อนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุระยะเวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์ ซึ่งอยู่ก่อนเวลาที่กำหนดการรีบูตอัตโนมัติไว้ เมื่อนโยบายนี้ไม่ได้ถูกตั้งค่า เวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์จะไม่ถูกจำกัด หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าได้ การรีบูตอัตโนมัติถูกกำหนดที่เวลาที่เลือกไว้ แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้อุปกรณ์ในขณะนั้น หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงอยู่หรือเซสชันแอปคีออสก์ดำเนินการอยู่เท่านั้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและนโยบายจะมีการนำไปใช้เสมอ โดยไม่คำนึงว่ามีเซสชันประเภทใดดำเนินการอยู่หรือไม่ ควรมีการระบุค่านโยบายเป็นวินาที ค่าถูกกำหนดไว้ที่อย่างน้อย 3,600 (หนึ่งชั่วโมง) ระบุระยะเวลาที่ไม่มีอินพุตของผู้ใช้หลังจากที่ช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้นเมื่อใช้งานบนกำลังแบตเตอรีที่ต่ำ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะแสดงช่องโต้ตอบคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่าการดำเนินการแบบไม่ใช้งานกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้น ค่าของนโยบายควรระบุในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับความล่าช้าของการไม่ใช้งาน ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ รายการสกีมของโปรโตคอลที่ถูกปิดใช้งาน การตั้งค่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เริ่มต้น ระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัว การปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาการไม่ใช้งานจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แฟกเตอร์การปรับระดับเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้ แฟกเตอร์การปรับระดับต้องเป็น 100% หรือมากกว่า ข้อความแจ้งการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP ข้ามจุด ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้แสดงภาพ หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultImagesSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง เปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ ช่วยให้คุณระบุได้ว่าส่วนขยายใดที่ไม่ขึ้นอยู่กับรายการที่ไม่อนุญาต ค่ารายการที่ไม่อนุญาต * แสดงว่าส่วนขยายทั้งหมดจัดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาต และผู้ใช้สามารถติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่อยู่ในรายการที่อนุญาต ตามค่าเริ่มต้น ส่วนขยายทั้งหมดจะอยู่ในรายการที่อนุญาต แต่หากส่วนขยายทั้งหมดถูกจัดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตตามนโยบาย คุณสามารถใช้รายการที่อนุญาตเพื่อแทนที่นโยบายดังกล่าวได้ ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของคุณลักษณะการเข้าถึงเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "จริง" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที หากนโยบายไม่มีการตั้งค่า เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ได้ตลอดเวลา และสถานะของเคอร์เซอร์บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ ตั้งแต่รุ่น กำหนดค่ารูปอวาตาร์ของผู้ใช้ นโยบายนี้ให้คุณสามารถกำหนดค่ารูปอวาตาร์ที่ใช้แสดงแทนผู้ใช้บนหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายนี้ตั้งค่าโดยการระบุ URL ที่ สามารถดาวน์โหลดรูปอวาตาร์และแฮชแบบเข้ารหัสซึ่งใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รูปภาพต้องมีรูปแบบเป็น JPEG ขนาดต้องไม่เกิน 512 kB และ URL ต้องสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ รูปอวาตาร์จะถูกดาวน์โหลดและแคช และเมื่อ URL หรือแฮชเปลี่ยนแปลง จะมีการดาวน์โหลดรูปอวาตาร์ใหม่อีกครั้ง นโยบายควรระบุเป็นสตริงที่บ่งบอก URL และแฮชในรูปแบบ JSON โดยทำตามโครงร่างต่อไปนี้: { "type": "object", "properties": { "url": { "description": "URL ที่สามารถดาวน์โหลดรูปอวาตาร์ได้", "type": "string" }, "hash": { "description": "แฮช SHA-256 ของรูปอวาตาร์", "type": "string" } } } หากตั้งนโยบายแล้ว จะดาวน์โหลดและใช้รูปอวาตาร์นั้น หากคุณตั้งนโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือใช้รูปอวาตาร์อื่น หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกรูปอวาตาร์ของตนเองบนหน้าจอเข้าสู่ระบบ ควบคุมการซ่อนชั้นวางอัตโนมัติ เปิดใช้งานแป้นพิมพ์ลัด bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งานไว้ แต่หากปิดใช้งานอยู่ จะไม่มีการนำเข้าหน้าแรก หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติก็ได้ อนุญาตให้ จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้ หากตั้งค่าเป็นจริง จะสามารถสร้างและใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้ หากตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้กำหนดค่า การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลและการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้ หมายเหตุ: การทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและอุปกรณ์ขององค์กรจะแตกต่างกัน: บนอุปกรณ์ของผู้บริโภค ผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่จะปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ขององค์กร พารามิเตอร์ที่ให้คุณลักษณะการค้นหาโดยภาพสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น ปิดกั้นภาพบนไซต์เหล่านี้ ดำเนินการตรวจสอบ OCSP/CRL แบบออนไลน์หรือไม่ การรับส่งข้อความดั้งเดิม นโยบายนี้ได้ถูกเลิกใช้งาน โปรดใช้ URLBlacklist แทน ปิดใช้งานรูปแบบโปรโตคอลที่ระบุไว้ใน URL ที่ใช้รูปแบบจากรายการนี้จะไม่โหลดและจะไม่สามารถไปยัง URL นั้นได้ หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่าหรือรายการว่างเปล่า รูปแบบทั้งหมดจะสามารถเข้าถึงได้ใน ควบคุมว่าจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวใน หรือไม่ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นจริง จะมีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว (หากมี) หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเท็จ จะไม่มีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนว่าจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวหรือไม่ ด้วยการแก้ไข chrome://flags หรือระบุการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง จำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน ควบคุมการซ่อนอัตโนมัติสำหรับชั้นวางของ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "AlwaysAutoHideShelf" ชั้นวางจะซ่อนอัตโนมัติทุกครั้ง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "NeverAutoHideShelf" ชั้นวางจะไม่ซ่อนอัตโนมัติเลย หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่ได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะซ่อนชั้นวางอัตโนมัติหรือไม่ มีนิพจน์ทั่วไปซึ่งใช้ในการระบุว่าผู้ใช้ใดที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ ข้อผิดพลาดที่เหมาะสมจะแสดงขึ้นหากผู้ใช้พยายามลงชื่อเข้าใช้ด้วยชื่อผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับรูปแบบนี้ หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่าหรือถูกปล่อยว่างไว้ ผู้ใช้ทุกคนจะสามารถลงชื่อเข้าใช้ เมื่อการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน จะดำเนินการตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้และการรับรองโดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในตัวอยู่เสมอ หาก ไม่สามารถที่จะได้รับข้อมูลสถานะการเพิกถอน ใบรับรองดังกล่าวจะถูกถือว่าเพิกถอน ("hard-fail") หากนโยบายนี้ไม่ได้ถูกกำหนด หรือถูกกำหนดเป็นเท็จ Chrome จะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ที่มีอยู่ จำกัดระยะเวลาสูงสุดของเซสชันผู้ใช้ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการระบุระยะเวลาสิ้นสุดเซสชันหลังจากที่ผู้ใช้ออกจากระบบโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะได้รับแจ้งเวลาที่เหลือด้วยนาฬิกาจับเวลาถอยหลังที่แสดงในถาดระบบ เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการจำกัดระยะเวลาของเซสชัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่ได้ ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที โดยจำกัดช่วงของค่าอยู่ที่ 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง พารามิเตอร์สำหรับ URL รูปภาพที่ใช้ POST กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล ตามปกติหน้าที่มีการตั้งค่า X-UA-Compatible เป็น Chrome=1 จะได้รับการแสดงผลใน ไม่ว่านโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" จะเป็นเช่นไร หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะไม่ได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก ล้างข้อมูลผู้ใช้เมื่อออกจากระบบ ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งานใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ คุณสามารถใช้อักขระของสัญลักษณ์แทน "*" และ "?" เพื่อจับคู่ลำดับอักขระที่กำหนดเอง "*" จะจับคู่กับจำนวนอักขระที่กำหนดเอง ส่วน "?" จะระบุอักขระเดี่ยวที่เป็นตัวเลือก เช่น การจับคู่กับเลข 0 หรืออักขระตัวหนึ่ง อักขระหลีก คือ "\" ดังนั้นหากต้องการจับคู่อักขระ "*", "?" หรือ "\" จริง คุณสามารถใส่ "\" ไว้หน้าอักขระเหล่านั้นได้ รายการปลั๊กอินที่ระบุจะถูกนำมาใช้ใน หากมีการติดตั้งไว้ ปลั๊กอินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นเปิดใช้งานใน "about:plugins" และผู้ใช้ไม่สามารถปิดใช้งานปลั๊กอินเหล่านั้นได้ โปรดทราบว่านโยบายนี้จะแทนที่ทั้ง DisabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้สามารถปิดใช้งานปลั๊กอินใดๆ ที่ติดตั้งไว้ในระบบได้ ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้ด้วยค่าที่มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะล็อกหน้าจอ เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น วิธีล็อกหน้าจอที่แนะนำในขณะที่ไม่ใช้งานคือ เปิดใช้งานการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ ระงับการใช้งานหลังจากระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน (เอกสารนี้อาจประกอบด้วยนโยบายที่มีเป้าหมายเป็น เวอร์ชันต่อๆ ไป ซึ่งอาจมี การเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ รายการนโยบายที่สนับสนุน จะเหมือนกันกับ Chromium และ Google Chrome) คุณไม่ต้องเปลี่ยนการตั้งค่าเหล่านี้ด้วยตัวเอง! คุณสามารถดาวน์โหลดเทมเพลตที่ใช้งานง่ายจาก นโยบายเหล่านี้กำหนดไว้อย่างเข้มงวดให้ใช้เพื่อกำหนดค่าอินสแตนซ์ของ Chrome ภายในองค์กรของคุณ การใช้นโยบายเหล่านี้นอกองค์กรของคุณ (ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรมที่เผยแพร่แบบสาธารณะ) จะถือว่านโยบายดังกล่าวเป็นมัลแวร์ และมีแนวโน้มที่ Google และผู้ให้บริการโปรแกรมป้องกันไวรัสที่จะติดป้ายกำกับนโยบายดังกล่าวเป็นมัลแวร์ หมายเหตุ: นับตั้งแต่ 28 จะมีการโหลดนโยบายโดยตรงจาก API นโยบายของกลุ่มใน Windows นโยบายที่เขียนขึ้นเองในทะเบียนจะถูกเพิกเฉย โปรดดูที่ http://crbug.com/259236 สำหรับรายละเอียด นับตั้งแต่ 35 จะมีการอ่านโยบายจากทะเบียนโดยตรงหากเวิร์กสเตชันรวมเข้ากับโดเมนไดเรกทอรีที่มีการใช้งาน มิเช่นนั้นจะมีการอ่านนโยบายจาก GPO รายงานรุ่นของระบบปฏิบัติการและเฟิร์มแวร์ สามารถรับคำแนะนำได้ ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งานใน และป้องกันไม่ให้ผู้่ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง สัญลักษณ์แทน "*" และ "?" สามารถใช้เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ "*" จะจับคู่กับอักขระจำนวนเท่าใดก็ได้ในขณะที่ "?" จะระบุถึงอักขระเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ เช่น จับคู่กับอักขระศูนย์หรือหนึ่งตัว อักขระสำหรับเลี่ยงคือ "\" ซึ่งในกรณีที่คุณต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ คุณสามารถวาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ รายการปลั๊กอินที่ระบุไว้จะไม่ถูกใช้เลยใน ปลั๊กอินจะถูกทำเครื่องหมายว่าปิดใช้งานใน "about:plugins" และผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้ โปรดทราบว่านโยบายนี้สามารถถูกลบล้างได้โดย EnabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถใช้ปลั๊กอินใดๆ ก็ตามที่ติดตั้่งไว้ในระบบได้ ยกเว้นปลั๊กอินที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันซึ่งมีการฮาร์ดโค้ด ล้าสมัย หรือที่เป็นอันตราย เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ หากผู้ใช้มีการใช้งานหลังจากการสลัวหน้าจอ ระบุระยะเวลาเป็นหน่วยมิลลิวินาทีสำหรับการสอบถามบริการจัดการอุปกรณ์เกี่ยวกับข้อมูลนโยบายอุปกรณ์ การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 3 ชั่วโมง ค่าที่ใช้ได้สำหรับนโยบายนี้ต้องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1800000 (30 นาที) ถึง 86400000 (1 วัน) ค่าใดๆ ที่ไม่อยู่ในช่วงนี้จะถูกปรับเป็นค่าที่ขอบที่เหมาะสม การปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่ตั้งค่าจะทำให้ ใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 3 ชั่วโมง ระยะเวลาของข้อความเตือนการออกจากระบบจากการไม่มีการใช้งาน ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์จะไม่ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็น "เท็จ" หรือการปล่อยไว้แบบไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากโฮสต์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น อนุญาตให้ใช้ปลั๊กอินบนไซต์เหล่านี้ เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับผู้ใช้ ส่วนขยายได้รับอนุญาตให้ใช้ API การยืนยันระยะไกล เปิดใช้งานการนำออกเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งาน ช่วยให้คุณสามารถระบุส่วนขยายที่ผู้ใช้ไม่สามารถติดตั้ง ส่วนขยายที่ติดตั้งไว้แล้วจะถูกลบหากอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาต ค่ารายการที่ไม่อนุญาต "*" หมายถึงส่วนขยายทั้งหมดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตนอกจากว่าจะได้รับการระบุไว้อย่างชัดเจนในรายการที่อนุญาต หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน หากค่าเป็น True ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์บนอุปกรณ์ Chrome เพื่อยืนยันข้อมูลประจำตัวจากระยะไกลไปยัง CA ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง API คีย์แพลตฟอร์มของบริษัท chrome.enterprise.platformKeysPrivate.challengeUserKey() หากค่าถูกตั้งเป็น False หรือไม่ได้รับการตั้งค่า การเรียกไปยัง API จะล้มเหลวโดยมีรหัสข้อผิดพลาด ตั้งชื่อสำหรับแสดงสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่ ปิดใช้งานเครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน ตั้งค่าประเภทเริ่มต้นของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอได้ตลอดเวลาและสถานะบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานในระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งานอยู่ หากมีการเปิดใช้งาน นโยบายนี้จะมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ช่องเผยแพร่ เปิดใช้งานคุณลักษณะ Google Safe Browsing ของ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะใช้งานอยู่เสมอ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะไม่มีการใช้งาน หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า "เปิดใช้งานการป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" ใน หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่า การดำเนินการนี้จะเปิดใช้งาน แต่ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เปิดใช้คุณลักษณะพร็อกซีการบีบอัดข้อมูล เปิดใช้คุณลักษณะการเข้าถึงแป้นพิมพ์บนหน้าจอ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เสมอ หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เสมอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โดย และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกข้ามไป หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจจับพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกข้ามไป หากคุณเลือกโหมดพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่ คุณสามารถระบุตัวเลือกอื่นๆ ต่อไปได้ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" หากคุณเลือกที่จะใช้สคริปต์พร็อกซี .pac คุณต้องระบุ URL ไปยังสคริปต์ดังกล่าวใน "URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี" สำหรับตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะข้ามตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพร็อกซีที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง ช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงภาพหรือไม่ โดยสามารถจะอนุญาตให้มีการแสดงภาพสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AllowImages" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ คืนค่าเซสชันล่าสุด บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อยู่นอกชุดเนื้อหา ประเภทข้อมูล: รายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้และ URL ค้นหาที่แถบอเนกประสงค์แนะนำมีพารามิเตอร์นี้ในสตริงข้อความค้นหาหรือในตัวระบุชิ้นส่วน คำแนะนำจะแสดงคำค้นหาและผู้ให้บริการค้นหาแทน URL ค้นหาดิบ นโยบายนี้ไม่บังคับ หากไม่ตั้งค่านโยบาย จะไม่มีการแทนที่คำค้นหา นโยบายนี้มีผลต่อเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านในตัวจัดการรหัสผ่าน เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลใน โดยใช้บริการการซิงค์ข้อมูลของ Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ใน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถใช้ Google Sync ในการเลือกว่าจะใช้หรือไม่ โฮสต์ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดจะถูกลบจนกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ นโยบายนี้จะควบคุมความพร้อมใช้งานของโหมดเต็มหน้าจอ ซึ่งระบบจะซ่อน UI ทั้งหมดของ ไว้และมองเห็นเฉพาะเนื้อหาเว็บเท่านั้น หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ตั้งเลย ผู้ใช้ แอป และส่วนขยายที่มีสิทธิ์ที่เหมาะสมจะสามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอได้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ทั้งผู้ใช้และแอป หรือส่วนขยายจะไม่สามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอ เมื่อปิดโหมดเต็มหน้าจอ จะไม่สามารถใช้งานโหมดคีออสก์ได้บนทุกแพลตฟอร์ม ยกเว้น กำหนดค่าหน้าแรกเริ่มต้นใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว การตั้งค่าหน้าแรกของผู้ใช้จะถูกล็อกโดยสมบูรณ์ หากคุณเลือกหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ หรือตั้งค่าให้เป็น URL และระบุ URL ของหน้าแรก หากคุณไม่ได้ระบุ URL ของหน้าแรก ผู้ใช้จะยังสามารถตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่โดยระบุ "chrome://newtab" นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก หน้าเริ่มต้นใช้งาน โปรไฟล์ชั่วคราว อนุญาตผู้ใช้ให้ลงชื่อเข้าใช้ใน และป้องกันผู้ใช้ไม่ให้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ คุณสามารถกำหนดค่าว่าผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ หรือไม่ กำหนดค่าตัวจัดการรหัสผ่าน หากตัวจัดการรหัสผ่านถูกเปิดใช้งานไว้ คุณสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดใช้งานว่าจะให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านที่เก็บไว้เป็นข้อความที่ชัดเจนหรือไม่ การตั้งค่าภาพเริ่มต้น ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ อนุญาตให้ใช้ JavaScript บนไซต์เหล่านี้ ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป ปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติ ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาจะถูกลบจากกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ กำหนดค่าส่วนนำหน้า TalkGadget สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล แสดงตัวเลือกการเข้าถึงในเมนูถาดระบบ เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ รายการส่วนขยายของ AppPack จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์ ในระหว่างการเข้าสู่ระบบ Chrome OS สามารถตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านในแคช (แบบออฟไลน์) เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ได้ตลอดเวลา เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุช่วงเวลานับตั้งแต่การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์ครั้งสุดท้าย โดยผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะใช้ขีดจำกัดเวลา 14 วันเป็นค่าเริ่มต้น โดยผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว นโนบายนี้จะมีผลเฉพาะต่อผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้ SAML ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ กำหนดค่ารายการส่วนขยายที่บังคับให้ติดตั้ง เปิดใช้การติดตั้งระดับผู้ใช้ของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิม หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ จะอนุญาตให้ ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งในระดับผู้ใช้ หากปิดใช้การตั้งค่านี้ จะใช้เฉพาะ โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งในระดับระบบเท่านั้น หากไม่ได้ตั้งการตั้งค่านี้ จะอนุญาตให้ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับผู้ใช้ ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีการใช้งานเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะใช้ไฟ AC เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่า จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะไม่มีการใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกกันได้ เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที รูปอวาตาร์ของผู้ใช้ ควบคุมประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่สามารถติดตั้งได้ รายการการตั้งค่าที่อนุญาตนี้จะอนุญาตประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่สามารถติดตั้งใน ได้ แต่ละค่าในรายการควรเป็นหนึ่งในค่าต่อไปนี้: "extension", "theme", "user_script", "hosted_app", "legacy_packaged_app", "platform_app" ดูเอกสารเกี่ยวกับส่วนขยายของ Chrome สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเหล่านี้ โปรดทราบว่านโยบายนี้มีผลกับส่วนขยายและแอปพลิเคชันที่บังคับติดตั้งผ่าน ExtensionInstallForcelist ด้วย หากการตั้งค่านี้ได้รับการกำหนดค่า ส่วนขยาย/แอปพลิเคชันซึ่งเป็นประเภทที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะไม่ได้รับการติดตั้ง หากการตั้งค่านี้ไม่ได้รับการกำหนดค่า จะไม่มีข้อจำกัดใดเกี่ยวกับประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ยอมรับ ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่ รายงานตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ หรือตั้งค่าเป็นเท็จ ตำแหน่งจะไม่ถูกรายงาน เปิดใช้งาน Safe Browsing เปิดใช้งานการล็อกเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือระงับใช้อุปกรณ์ ควบคุมว่าจะรายงานเมตริกการใช้งานกลับไปที่ Google หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะรายงานเมตริกการใช้งาน หากไม่กำหนดค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" การรายงานเมตริกจะถูกปิดใช้งาน การลงชื่อเข้าใช้อัตโนมัติสู่เซสชันสาธารณะล่าช้า หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ ในทางกลับกัน หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุปริมาณเวลาที่ไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้ที่ควรล่วงเลยไปก่อนการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังเซสชันสาธารณะที่ระบุโดยนโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย ระยะหมดเวลาจะเป็น 0 มิลลิวินาที นโยบายนี้จะถูกระบุในหน่วยมิลลิวินาที บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ ปิดกั้นปลั๊กอินบนไซต์เหล่านี้ เปิดใช้งานการลบประวัติเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลดใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ โปรดทราบว่า แม้จะปิดใช้งานนโยบายนี้ก็ไม่เป็นการรับประกันว่าประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดจะถูกเก็บไว้ ผู้ใช้อาจสามารถแก้ไขหรือลบไฟล์ฐานข้อมูลประวัติโดยตรง และเบราว์เซอร์อาจหมดอายุหรือเก็บถาวรรายการประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้ หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่มีการตั้งค่า ประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดอาจถูกลบได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน จะไม่สามารถลบประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดได้ อนุญาตให้ใช้คุกกี้เฉพาะเซสชันเท่านั้นบนไซต์เหล่านี้ ปิดใช้งานการซิงค์ของ Google ไดรฟ์ในแอป Files ของ Chrome OS ขณะใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายเคลื่อนที่เมื่อตั้งค่าเป็น True ในกรณีนี้ ข้อมูลจะซิงค์กับ Google ไดรฟ์เฉพาะเมื่อเชื่อมต่อทาง WiFi หรืออีเทอร์เน็ต หากไม่ได้รับการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น False ผู้ใช้จะสามารถถ่ายโอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายเคลื่อนที่ได้ เปิดหรือปิดใช้งานการแก้ไขบุ๊กมาร์กใน หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ คุณจะสามารถเพิ่ม ลบ หรือแก้ไขบุ๊กมาร์กได้ นี่ยังเป็นค่าเริ่มต้นด้วยเมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ไว้ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ คุณจะไม่สามารถเพิ่ม ลบ หรือแก้ไขบุ๊กมาร์กได้ ส่วนบุ๊กมาร์กที่มีอยู่ยังคงสามารถใช้ได้ ตัวจัดการรหัสผ่าน ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของหลายโปรไฟล์ (หลักหรือรอง) กำหนดค่าการจัดการพลังงานใน นโยบายเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมของ เมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ เปิดใช้งานการรายงานแบบไม่ระบุตัวตนของข้อมูลการใช้งานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขัดข้องของ ไปยัง Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การรายงานแบบไม่ระบุตัวตนของข้อมูลการใช้งานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขัดข้องจะถูกส่งไปยัง Google หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การรายงานแบบไม่ระบุตัวตนของข้อมูลการใช้งานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขัดข้องจะไม่ถูกส่งไปยัง Google หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเลือกการตั้งค่าได้ในขณะที่ติดตั้ง/เรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่าสถานะที่ใช้ทั้งระบบจะถูกนำไปใช้กับการเริ่มต้นใช้งาน Chrome ช่วยให้สามารถพิมพ์ใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากมีการเปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ได้ หากปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถพิมพ์จาก การพิมพ์จะถูกปิดใช้งานไว้ในเมนูเครื่องมือ ส่วนขยาย แอปพลิเคชัน JavaScript เป็นต้น แต่คุณสามารถพิมพ์จากปลั๊กอินที่ข้าม ขณะพิมพ์ได้ ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน Flash บางรายการมีตัวเลือกการพิมพ์ในเมนูตามบริบท ซึ่งนโยบายนี้ไม่ได้ครอบคลุม เปิดใช้งานพร็อกซี เปิดใช้งานคำแนะนำการค้นหาในแถบอเนกประสงค์ของ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้คำแนะนำการค้นหา หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่มีการใช้คำแนะนำการค้นหา หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ ชื่อค่ากำหนด Mac/Linux: อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นผู้ใช้หลักแบบหลายโปรไฟล์เท่านั้น (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการ) กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้ หากไม่มีการตั้งค่าใดๆ จะมีการใช้ไดเรกทอรีโปรไฟล์ที่เป็นค่าเริ่มต้นแทน เปิดใช้งานโหมดผู้มาเยือน เปิดใช้งานแป้นพิมพ์เสมือน ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC เปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูล สามารถใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในการสะกดผิด หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ไว้ บริการนี้จะถูกใช้อยู่เสมอ หากปิดใช้งานการตั้งค่า บริการนี้จะไม่ถูกใช้เลย การตรวจสอบการสะกดยังสามารถทำงานได้โดยใช้พจนานุกรมที่ดาวน์โหลดมา แต่นโยบายนี้จะควบคุมเฉพาะการใช้งานบริการออนไลน์เท่านั้น หากการตั้งค่านี้ไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกว่าจะใช้บริการตรวจสอบการสะกดหรือไม่ ระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดการนำเสนอ หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดการนำเสนอ เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ การปิดหน้าจอปิด การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แฟกเตอร์การปรับระดับเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้ แฟกเตอร์การปรับระดับต้องเป็น 100% หรือมากกว่า ไม่อนุญาตให้ใช้ค่าที่จะทำให้การหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอสั้นกว่าการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอปกติ ตั้งค่า Chrome เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น ระบุรูปแบบนาฬิกาที่จะใช้สำหรับอุปกรณ์นี้ นโยบายนี้กำหนดค่ารูปแบบนาฬิกาที่จะใช้บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ และใช้เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับเซสชันผู้ใช้ ผู้ใช้ยังสามารถแทนที่รูปแบบนาฬิกาสำหรับบัญชีของตนได้อยู่ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True อุปกรณ์จะใช้รูปแบบนาฬิกา 24 ชั่วโมง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False อุปกรณ์จะใช้รูปแบบนาฬิกา 12 ชั่วโมง หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ อุปกรณ์จะมีค่าเริ่มต้นเป็นรูปแบบนาฬิกา 24 ชั่วโมง กำหนดว่า Kerberos SPN ที่สร้างจะอยู่บนพื้นฐานของชื่อ DNS มาตรฐานหรือชื่อเดิมที่ป้อนไว้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การค้นหา CNAME จะถูกข้ามไปและจะใช้ชื่อเซิร์ฟเวอร์ตามที่ป้อน หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยไว้ไม่ได้ตั้งค่า ชื่อมาตรฐานของเซิร์ฟเวอร์จะถูกกำหนดโดยผ่านการค้นหา CNAME ปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงภาพทั้งหมด ระบุการทำงานเมื่อผู้ใช้ปิดฝาเครื่อง เมื่อนโยบายนี้ถูกกำหนดไว้ จะมีการระบุการทำงานของ เมื่อผู้ใช้ปิดฝาอุปกรณ์ เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้น นั่นก็คือการระงับการใช้งาน หากการทำงานเป็นการระงับการใช้งาน คุณสามารถกำหนดค่า แยกกันเพื่อล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนการระงับการใช้งานได้ URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี รหัสส่วนขยายที่ผู้ใช้ควรป้องกันไม่ให้มีการติดตั้ง (หรือ * สำหรับทั้งหมด) ระบุรายการคุณลักษณะแพลตฟอร์มเว็บที่เลิกใช้แล้วเพื่อเปิดใช้ใหม่ นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้คุณลักษณะแพลตฟอร์มเว็บที่เลิกใช้แล้วใหม่ในช่วงเวลาจำกัด คุณลักษณะจะระบุโดยแท็กสตริงและจะมีการเปิดใช้คุณลักษณะที่สอดคล้องกับแท็กที่อยู่ในรายการที่นโยบายนี้ระบุใหม่ ขณะนี้มีการกำหนดแท็กต่อไปนี้: - ShowModalDialog_EffectiveUntil20150430 หากปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่ได้ตั้งค่า หรือไม่มีข้อมูลในรายการ คุณลักษณะแพลตฟอร์มเว็บที่เลิกใช้แล้วทั้งหมดจะยังถูกปิดใช้อยู่ เปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS (เลิกใช้แล้ว) นโยบายนี้มีการใช้งานในโหมดปลีกเท่านั้น เมื่อค่าในนโยบายนี้มีการตั้งค่าและไม่เท่ากับ 0 ผู้ใช้การสาธิตที่เข้าสู่ระบบอยู่ในปัจจุบันจะออกจากระบบโดยอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้ ค่าในนโยบายควรระบุด้วยหน่วยมิลลิวินาที การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิก ปิดใช้งานการดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือน Safe Browsing ปิดใช้งานการแยกระเบียน SSL กำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่เบราว์เซอร์โฮสต์ควรแสดงผลโดยปกติ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะใช้การแสดงผลแบบค่าเริ่มต้นสำหรับไซต์ทั้งหมดดังที่ระบุไว้ตามนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ http://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started รายงานโหมดการบูตอุปกรณ์ นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ DefaultJavaScriptSetting แทน สามารถใช้เพื่อปิดใช้งาน JavaScript ใน ได้ หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าเว็บจะไม่สามารถใช้ JavaScript และผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าเว็บจะสามารถใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ คุณสามารถระบุ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ที่นี่ นโยบายนี้จะมีผลหากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น คุณควรปล่อยให้นโยบายไม่มีการตั้งค่าหากคุณได้เลือกโหมดอื่นใดสำหรับตั้งค่านโยบายพร็อกซี สำหรับตัวเลือกเพิ่มเติมและตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก เมื่อนโยยายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" จะไม่สามารถใช้งานที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกในเบราว์เซอร์ของไฟล์ได้ นโยบายนี้มีผลกับสื่อการจัดเก็บข้อมูลทุกประเภท ตัวอย่างเช่น: แฟลชไดรฟ์ USB, ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, SD และการ์ดหน่วยความจำอื่นๆ, ที่จัดเก็บข้อมูลออปติคอล ฯลฯ ที่จัดเก็บข้อมูลภายในจะไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นไฟล์ที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ "ดาวน์โหลด" จะยังสามารถเข้าถึงได้อยู่ และนโยบายนี้ก็ไม่ส่งผลต่อ Google ไดรฟ์ด้ัวยเช่นกัน หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะสามารถใช้ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่สนับสนุนได้ทุกประเภทบนอุปกรณ์ของตน ระบุจำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อไปยังพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์บางตัวไม่สามารถจัดการกับการเชื่อมต่อพร้อมกันต่อหนึ่งไคลเอ็นต์ในจำนวนมากได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยตั้งค่านโยบายนี้ให้มีค่าที่ต่ำลง ค่าของนโยบายนี้ควรจะต่ำกว่า 100 และสูงกว่า 6 และค่าเริ่มต้นเป็น 32 เป็นที่ทราบกันดีว่าแอปพลิเคชันเว็บบางตัวต้องใช้การเชื่อมต่อจำนวนมากเนื่องจากใช้ Hanging GET ดังนั้นการลดค่าให้ต่ำกว่า 32 อาจส่งผลให้​การเชื่อมโยง​เครือข่ายของเบราว์เซอร์ค้างได้หากเปิดแอปพลิเคชันเว็บเป็นจำนวนมากเกินไป การลดค่าให้ต่ำลงดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยงของคุณเอง หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 32 เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในขณะอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อ หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้อยู่ ตัวอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตของโฮสต์จะถูกปิดการใช้งานในขณะอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระยะไกล หากปิดการใช้งานการตั้งค่านี้อยู่หรือไม่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ทั้งผู้ใช้ในท้องถิ่นและผู้ใช้จากระยะไกลจะสามารถโต้ตอบกับโฮสต์ได้เมื่อโฮสต์ถูกใช้งานร่วมกัน เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือมีการตั้งค่าเป็น "จริง" และบัญชีในตัวอุปกรณ์ได้รับการกำหนดค่าสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบไม่ล่าช้า และอุปกรณ์ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต จะแสดงพรอมต์การกำหนดค่าเครือข่าย หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" ข้อความแสดงข้อผิดพลาดจะปรากฏขึ้นแทนพรอมต์การกำหนดค่าเครือข่าย ใช่ ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาตามคำแนะนำด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนดไว้ คำขอการแนะนำการค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled 'ถูกเปิดใช้งาน รายงานรายการอินเทอร์เฟซเครือข่ายพร้อมด้วยประเภทและที่อยู่ฮาร์ดแวร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ หากตั้งนโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานรายการอินเทอร์เฟซ ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้เมื่อดำเนินการค้นหาแบบค่าเริ่มต้น URL ควรจะมีสตริง "" ซึ่งจะถูกแทนที่โดยคำที่ผู้ใช้กำลังค้นหาเมื่อเวลาที่ค้นหา นโยบายนี้จะต้องมีการตั้งค่าเมื่อมีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" และจะมีการใช้งานเฉพาะในกรณีนี้เท่านั้น อนุญาตให้ จัดการประเภทของเนื้อหาที่ระบุไว้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะใช้การแสดงผลเริ่มต้นสำหรับไซต์ทั้งหมด ดังที่ระบุไว้ตามนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" ใช้เบราว์เซอร์โฮสต์โดยค่าเริ่มต้น เปิดหรือปิดใช้งานบริการเว็บสำหรับการตรวจสอบการสะกด นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก ควบคุมว่าจะให้เนื้อหาย่อยของบุคคลที่สามบนหน้าเว็บได้รับอนุญาตให้ป๊อปอัปช่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP หรือไม่ ซึ่งโดยปกติจะถูกปิดใช้งานเพื่อป้องกันฟิชชิง หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะถูกปิดใช้งานและเนื้อหาย่อยของบุคคลที่สามจะไม่ได้รับอนุญาตให้ป๊อปอัปช่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP ระบุการตั้งค่าสถานะที่ควรนำไปใช้กับ Chrome เมื่อเริ่มใช้งาน การตั้งค่าสถานะที่ระบุนี้จะถูกใช้ก่อนที่ Chrome จะเริ่มแม้แต่หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ เปิดใช้งานการบันทึกรหัสผ่านและการใช้รหัสผ่านที่บันทึกไว้ใน หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถกำหนดให้ จดจำรหัสผ่านและให้รหัสผ่านปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติในครั้งต่อไปที่ลงชื่อเข้าใช้ไซต์ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านหรือใช้รหัสผ่านที่บันทึกไว้แล้วได้ หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ใน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น กำหนดระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้สำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที กำหนดค่า URL ของหน้าแรก ปิดใช้งานการค้นหา CNAME เมื่อมีการเจรจาตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos ระบุเขตเวลาที่ต้องการใช้บนอุปกรณ์ ผู้ใช้สามารถแทนที่เขตเวลาที่ระบุสำหรับเซสชันปัจจุบัน แต่เมื่อผู้ใช้ออกจากระบบไปแล้ว ระบบจะตั้งค่ากลับมาเป็นเขตเวลาที่ระบุ หากค่าที่ระบุไม่ถูกต้อง นโยบายจะยังคงเปิดใช้งานอยู่โดยใช้เวลา "GMT" แทน หากระบุสตริงที่ว่างเปล่า นโยบายจะถูกละเว้น หากไม่ได้ใช้นโยบายนี้ ระบบจะยังคงใช้เขตเวลาที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเขตเวลาและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะคงอยู่ต่อไป ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโดยผู้ใช้รายหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้และผู้ใช้รายอื่นๆ ทั้งหมด อุปกรณ์ใหม่เริ่มต้นทำงานด้วยเขตเวลาซึ่งตั้งไว้ที่ "สหรัฐอเมริกา/แปซิฟิก" ค่ามีรูปแบบตามชื่อของเขตเวลาใน "ฐานข้อมูลเขตเวลาของ IANA" (โปรดดู "http://th.wikipedia.org/wiki/List_of_tz_database_time") กล่าวโดยเฉพาะคือ สามารถอ้างอิงเขตเวลาส่วนใหญ่ตามค่า "ทวีป/เมือง_สำคัญ" หรือ "มหาสมุทร/เมือง_สำคัญ" ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอ เปิดใช้งานหน้าเว็บแสดงข้อผิดพลาดสำรอง ระบุว่ารูปแบบการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP รูปแบบใดที่ได้รับการสนับสนุนโดย ค่าที่เป็นไปได้คือ "basic", "digest", "ntlm" และ "negotiate" แยกค่าหลายค่าด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ทั้งสี่รูปแบบ การจัดการพลังงานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ เปิดใช้งานคุณลักษณะค้นหาทันใจของ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ "ค้นหาทันใจ" จะถูกเปิดใช้งาน หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ "ค้นหาทันใจ" จะถูกปิดใช้งาน หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ หากการตั้งค่านี้ไม่ได้ถูกตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่ก็ได้ การตั้งค่านี้ได้ถูกลบจาก Chrome 29 และเวอร์ชันที่สูงกว่าแล้ว ถูกกำหนดให้เลิกใช้ ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์ กำหนดค่าชื่อโดเมนของโฮสต์ที่จำเป็นซึ่งจะถูกกำหนดให้กับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ จะสามารถแชร์โฮสต์ได้โดยใช้บัญชีที่ลงทะเบียนในชื่อโดเมนที่ระบุเท่านั้น หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถแชร์โฮสต์โดยใช้บัญชีใดๆ ได้เลย ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นของทั่วโลกสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้ ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการแสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป อนุญาตการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อยู่นอกชุดเนื้อหา นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าประวัติการเรียกดู หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ส่วนขยาย URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่ต้องแจ้ง รายงานตำแหน่งอุปกรณ์ ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์เป็นไบต์ เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านี้ทำให้ Chrome ต้องรอเซิร์ฟเวอร์ WPAD แบบใช้ DNS ในช่วงเวลาที่สั้นลง หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะมีการเปิดการเพิ่มประสิทธิภาพดังกล่าวและผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้คุณสามารถกำหนดรายการส่วนขยายที่จะได้รับการติดตั้งอย่างเงียบๆ โดยไม่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ แต่ละรายการที่มีอยู่คือสตริงที่มีรหัสส่วนขยายและ URL การอัปเดตซึ่งคั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค () รหัสส่วนขยายเป็นสตริงตัวอักษร 32 ตัวที่พบได้ใน เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นต้น URL การอัปเดตควรชี้ไปที่เอกสาร XML ไฟล์ Manifest การอัปเดตตามที่อธิบายไว้ที่ โปรดทราบว่า URL การอัปเดตที่ระบุไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น สำหรับการอัปเดตในครั้งต่อๆ มาจะใช้ URL การอัปเดตที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย สำหรับแต่ละรายการ จะเรียกข้อมูลส่วนขยายที่ระบุไว้ด้วยรหัสส่วนขยายจากบริการการอัปเดตที่ URL การอัปเดตที่ระบุและทำการติดตั้งอย่างเงียบๆ ตัวอย่างเช่น จะติดตั้งส่วนขยาย จาก URL ของ Chrome เว็บสโตร์มาตรฐาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยาย โปรดดู: ผู้ใช้จะไม่สามารถถอนการติดตั้งส่วนขยายที่นโยบายระบุไว้ได้ หากคุณนำส่วนขยายออกจากรายการนี้ จะถอนการติดตั้งส่วนขยายโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ส่วนขยายที่ระบุในรายการนี้จะอยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตสำหรับการติดตั้งโดยอัตโนมัติ โดย ExtensionsInstallBlacklist จะไม่ส่งผลใดๆ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถถอนการติดตั้งส่วนขยายใดๆ ก็ตามใน ได้ ตรวจหาการตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่จะยกเว้นจากบัญชีดำ เปิดใช้การใช้งานการรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์ นโยบายนี้บังคับให้นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าหากเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้ หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ระบุว่า Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นควรจะรวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานไว้หรือไม่ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้และป้อนพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐาน (เช่น พอร์ตอื่นๆ นอกจาก 80 หรือ 443) เข้าไป พอร์ตดังกล่าวจะถูกรวมไว้ใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้น หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยให้ไม่มีการตั้งค่า Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นจะไม่รวมพอร์ตไม่ว่าในกรณีใดๆ รูปแบบ URL ที่อนุญาตส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และการติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้จาก ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเสมอ คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้งาน นโยบายนี้จะบังคับให้โปรไฟล์เปลี่ยนเป็นโหมดชั่วคราว หากมีการระบุนโยบายนี้เป็นนโยบายระบบปฏิบัติการ (เช่น GPO ใน Windows) นโยบายจะถูกใช้กับทุกโปรไฟล์ในระบบ หากนโยบายถูกตั้งเป็นนโยบายระบบคลาวด์ นโยบายจะถูกใช้กับโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น ในโหมดนี้ ข้อมูลโปรไฟล์จะยังคงอยู่ในดิสก์เป็นเวลาเท่ากับเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น คุณลักษณะต่างๆ อย่างเช่น ประวัติการเข้าชมของเบราว์เซอร์ ส่วนขยายและข้อมูลของส่วนขยาย ข้อมูลเว็บ เช่น คุกกี้และฐานข้อมูลเว็บจะไม่ถูกเก็บเอาไว้หลังจากปิดเบราว์เซอร์ แต่จะไม่เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดข้อมูลใดๆ ลงสู่ดิสก์ด้วยตนเอง บันทึกหรือพิมพ์หน้าต่างๆ หากผู้ใช้ได้เปิดใช้งานการซิงค์ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกเก็บไว้ในโปรไฟล์การซิงค์ของผู้ใช้เช่นเดียวกับโปรไฟล์ทั่วไป โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งานด้วยเช่นกันหากไม่ถูกปิดใช้งานอย่างชัดเจนโดยนโยบาย หากตั้งนโยบายนี้เป็นปิดใช้งานหรือไม่มีการตั้งค่า การลงชื่อเข้าใช้จะนำไปสู่โปรไฟล์ทั่วไป การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์จำเป็นสำหรับ Anchors ความเชื่อถือได้ในตัว รายการ URL สำรองของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดแสดงภาพ เปิดใช้งานการส่งเอกสารไปยัง กำหนดค่าคุณลักษณะการเข้าถึงของ กำหนดค่า Google ไดรฟ์ใน รายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน เปิดรายการ URL การอัปเดตรายได้อัตโนมัติบน สามารถดาวน์โหลดผ่าน HTTP แทน HTTPS ได้ ซึ่งจะทำให้การแคชการดาวน์โหลดของ HTTP เป็นแบบโปร่งใส หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้ พยายามดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติผ่าน HTTP หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งเลย จะมีการใช้ HTTPS สำหรับการดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติ การตั้งค่าคุกกี้เริ่มต้น บล็อกการเข้าถึง URL ที่ระบุไว้ นโยบายนี้จะป้องกันมิให้ผู้ใช้โหลดหน้าเว็บจาก URL ในรายการที่ไม่อนุญาต โดย URL มีรูปแบบคือ "scheme://host:port/path" สกีมตัวเลือกสามารถจะเป็น http, https หรือ ftp ก็ได้ โดยมีเพียงสกีมนี้เท่้านั้นที่จะถูกบล็อก หากไม่มีการระบุสกีมใดๆ สกีมทั้งหมดจะถูกบล็อก โฮสต์สามารถจะเป็นได้ทั้งชื่อโฮสต์หรือที่อยู่ IP โดเมนย่อยของชื่อโฮสต์จะถูกบล็อกด้วย หากต้องการป้องกันการบล็อกโดเมนย่อย ให้ใส่ "." หน้าชื่อโฮสต์ ชื่อโฮสต์พิเศษ "*" จะบล็อกโดเมนทั้งหมด พอร์ตตัวเลือกสามารถจะเป็นหมายเลขพอร์ตที่ถูกต้องจาก 1 ถึง 65535 หากไม่มีการระบุพอร์ตใดๆ พอร์ตทั้งหมดจะถูกบล็อก หากมีการระบุเส้นทางตัวเลือก เส้นทางที่มีอักษรนำหน้าดังกล่าวเท่านั้นที่จะถูกบล็อก ข้อยกเว้นสามารถกำหนดได้ในนโยบายการยอมรับ URL นโยบายเหล่านี้ถูกจำกัดที่ 1000 รายการ โดยรายการที่อยู่หลังจากนั้นจะถูกเพิกเฉย หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีการใส่ URL ใดๆ ในรายการที่ไม่อนุญาตในเบราว์เซอร์ ระบุรายการบัญชีภายในอุปกรณ์ที่จะแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้ แต่ละข้อมูลในรายการจะระบุตัวชี้ ซึ่งใช้ภายในสำหรับการแยกบัญชีภายในอุปกรณ์จากกัน กลับไปด้านบน URL หน้าแท็บใหม่ของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC การทำงานที่ต้องทำเมื่อถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน เปิดใช้การอัปเดต p2p อัตโนมัติแล้ว ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่องหรือไม่ การตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่องสามารถจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AllowCookies" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มี อนุญาตให้ไซต์ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้ ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอิน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPluginsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้ ระบุการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง เวอร์ชันเสถียร เปิดใช้งานบริการ Google แปลภาษาที่อยู่ใน หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะแสดงแถบเครื่องมือที่นำเสนอการแปลหน้าเว็บสำหรับผู้ใช้ตามความเหมาะสม หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่เห็นแถบการแปล หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน หากการตั้งค่านี้ไม่มีการกำหนดไว้ ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่ รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่ไม่อนุญาต การหน่วงเวลาสูงสุดในการดึงข้อมูลภายหลังการลบล้างนโยบาย อนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่ เปอร์เซ็นต์สำหรับการปรับการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานในโหมดการนำเสนอ (เลิกใช้งาน) รายงานเวลากิจกรรมของอุปกรณ์ หากไม่มีการตั้งค่านี้หรือตั้งค่าเป็น True อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะรายงานระยะเวลาที่ผู้ใช้มีการใช้งานบนอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการบันทึกหรือรายงานเวลากิจกรรมของอุปกรณ์ อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL เปิดใช้งานการล็อกเมื่ออุปกรณ์ของ ไม่มีการใช้งานหรือถูกระงับใช้งาน หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ได้ หากปล่อยนโยบายไว้โดยไม่ตั้งค่า ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าเขาต้องการให้มีการสอบถามรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์หรือไม่ ช่วยให้คุณสามารถระบุว่าโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมใดที่ไม่ควรอยู่ภายใต้บัญชีดำ ค่า * ของบัญชีดำหมายถึงโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ และจะโหลดเฉพาะโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษเท่านั้น โดยค่าเริ่มต้น โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดจะอยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ แต่หากโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำตามนโยบาย ก็สามารถใช้รายการที่อนุญาตพิเศษลบล้างนโยบายนั้นได้ การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน อนุญาตให้ใช้การกำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้แต่ละคนของอุปกรณ์ การกำหนดค่าอุปกรณ์จะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิดซึ่งอธิบายไว้ที่ แสดงรายการตัวระบุแอปพิเคชันที่ แสดงเป็นแอปพลิเคชันที่ตรึงในแถบตัวเรียกใช้งาน หากมีการกำหนดค่านโยบายนี้เอาไว้ ชุดแอปพลิเคชันจะถูกกำหนดตายตัวและผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ ผู้ใช้อาจสามารถเปลี่ยนแปลงรายการของแอปพลิเคัชที่ตรึงในตัวเรียกใช้งาน เซสชันสาธารณะสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล ระบุช่องทางแสดงผลที่ควรจะล็อกเข้ากับอุปกรณ์นี้ เขตเวลา การตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงป๊อปอัปหรือไม่ การแสดงป๊อปอัปสามารถจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "BlockPopups" และผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ จำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ เครื่องควบคุมเวลาเซสชันสาธารณะสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ เปิดใช้งานแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอ ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอเริ่มต้นที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ การตั้งค่าปลั๊กอินเริ่มต้น กำหนดว่าจะให้กระบวนการของ เริ่มในการลงชื่อเข้าใช้ระบบปฏิบัติการและยังคงทำงานอยู่เมื่อหน้าต่างเบราว์เซอร์สุดท้ายถูกปิดลง ซึ่งเป็นการยอมให้แอปพลิเคชันพื้นหลังทำงานต่อไปได้หรือไม่ กระบวนการพื้นหลังอาจแสดงไอคอนในถาดระบบและปิดไปได้เสมอจากที่นั่น หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดพื้นหลังจะถูกเปิดใช้งานและผู้ใช้จะไม่สามารถควบคุมจากการตั้งค่าเบราว์เซอร์ได้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดพื้นหลังจะถูกปิดใช้งานและผู้ใช้จะไม่สามารถควบคุมจากการตั้งค่าเบราว์เซอร์ได้ หากปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่ตั้งค่า โหมดพื้นหลังจะถูกปิดใช้งานในช่วงแรกและผู้ใช้สามารถควบคุมจากการตั้งค่าเบราว์เซอร์ได้ Microsoft Windows XP SP2 หรือใหม่กว่า ช่วยให้คุณสามารถกำหนดพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เมื่อ เปิดใช้งาน หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ คำสั่งที่เป็นค่าเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้หรือไม่ การติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้สามารถได้รับอนุญาตตามค่าเริ่มต้น ปฏิเสธโดยค่าเริ่มต้น หรือระบบสามารถถามผู้ใช้ทุกครั้งที่เว็บไซต์ขอตำแหน่งทางกายภาพ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AskGeolocation" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ เวอร์ชัน 29 โปรดใช้นโยบาย PresentationScreenDimDelayScale แทน นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วตั้งแต่ เวอร์ชัน 36 ระบุว่าควรเปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS ไหม ใช้การตั้งค่านี้เพื่อเปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS สำหรับการทดสอบ ระบบจะลบการตั้งค่าเวอร์ชันทดลองนี้ในอนาคต เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา (อาจไม่เสถียร) กฎการข้ามพร็อกซี ระบุระยะเวลาที่ไม่มีอินพุตของผู้ใช้หลังจากที่ช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้นเมื่อทำงานด้วยไฟ AC เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะแสดงช่องโต้ตอบคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่าการดำเนินการแบบไม่ใช้งานกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้น ค่าของนโยบายควรระบุในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับความล่าช้าของการไม่ใช้งาน เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์ อนุญาตหรือปฏิเสธการจับวิดีโอ ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาภาพด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {imageThumbnail} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลภาพขนาดย่อที่แท้จริง นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาภาพจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้ รูปแบบในรายการนี้จะได้รับการจับคู่กับแหล่งกำเนิด ของการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ร้องขอ หากพบคู่ที่ตรงกัน การเข้าถึงอุปกรณ์จับ เสียงจะได้รับอนุญาตโดยไม่ต้องแจ้ง หมายเหตุ: ในปัจจุบันนี้ นโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนเฉพาะเมื่อทำงานในโหมดคีออสก์เท่านั้น พารามิเตอร์ที่ควบคุมตำแหน่งข้อความค้นหาสำหรับผู้ให้บริการค้นหาในค่าเริ่มต้น การตั้งค่านี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ เวอร์ชัน 29 วิธีที่แนะนำในการตั้งค่าคอลเล็กชันส่วนขยาย/แอปที่โฮสต์โดยองค์กรคือการรวมไซต์ที่โฮสต์แพ็กเกจ CRX ใน ExtensionInstallSources และการวางลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงไปยังแพ็กเกจบนหน้าเว็บ ตัวเรียกใช้งานสำหรับหน้าเว็บนั้นสามารถถูกสร้างขึ้นโดยใช้นโยบาย ExtensionInstallForcelist ออกจากระบบให้ผู้ใช้ การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ กำหนดค่าประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่อนุญาต อนุญาตให้เข้าถึง URL ในรายการ โดยเป็นข้อยกเว้นสำหรับ URL ในรายการที่ไม่อนุญาต ดูคำอธิบายของนโยบาย URL ในรายการที่ไม่อนุญาตสำหรับรูปแบบข้อมูลของรายการนี้ นโยบายนี้สามารถใช้เพื่อเปิดข้อยกเว้นสำหรับรายการที่ไม่อนุญาตซึ่งมีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น "*" สามารถอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตเพื่อบล็อกคำขอทั้งหมด และนโยบายนี้สามารถใช้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดได้ และสามารถใช้เพื่อเปิดข้อยกเว้นของสกีมบางอย่าง โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ด หรือเส้นทางเฉพาะได้ ตัวกรองที่มีความเฉพาะที่สุดจะพิจารณาว่าจะบล็อกหรืออนุญาต URL รายการที่อนุญาตจะมีความสำคัญเหนือรายการที่ไม่อนุญาต นโยบายนี้ถูกจำกัดที่ 1000 รายการ โดยรายการที่อยู่หลังจากนั้นจะถูกเพิกเฉย หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ในรายการที่ไม่อนุญาตจากนโยบาย "URLBlacklist" เปิดใช้งานคุณลักษณะการเข้าถึงโหมดคอนทราสต์สูง หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกเปิดใช้งานเสมอ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเสมอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่สามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ กำหนดค่ารายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม ตั้งค่ารุ่นเป้าหมายสำหรับการอัปเดตอัตโนมัติ กำหนดส่วนนำของรุ่นเป้าหมายที่จะอัปเดต หากอุปกรณ์กำลังเรียกใช้รุ่นที่ออกมาก่อนส่วนนำที่ระบุ อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นรุ่นล่าสุดพร้อมส่วนนำที่ระบุนั้นๆ หากอุปกรณ์เป็นรุ่นล่าสุดอยู่แล้ว จะไม่มีผลกระทบใดเกิดขึ้น (เช่น จะไม่มีการปรับลดรุ่น) และอุปกรณ์จะยังคงอยู่ในรุ่นปัจจุบัน รูปแบบของส่วนนำทำงานร่วมกับส่วนประกอบดังเช่นที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้ได้อย่างชาญฉลาด: "" (หรือที่ไม่ได้กำหนดค่า): อัปเดตเป็นรุ่นล่าสุดที่มีให้บริการ "1412.": อัปเดตเป็นรุ่นใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412 (เช่น 1412.24.34 หรือ 1412.60.2) "1412.2.": อัปเดตเป็นรุ่นใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412.2 (เช่น 1412.2.34 หรือ 1412.2.2) "1412.24.34": อัปเดตเป็นรุ่นนี้เท่านั้น การตั้งค่า mediastream เริ่มต้น ปิดใช้งานการสนับสนุน API ของกราฟิก 3 มิติ บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True จะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์บูตเข้าสู่โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ระบบจะปฏิเสธการบูตและแสดงหน้าจอข้อผิดพลาดเมื่อมีการเปิดโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งเป็น False จะสามารถใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในอุปกรณ์ได้ จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์ ระบุการดำเนินการที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด โปรดทราบว่านโยบายนี้เลิกใช้แล้วและจะถูกลบออกในอนาคต นโยบายนี้จะให้ค่าสำรองสำหรับนโยบาย และ ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น หากนโยบายนี้ถูกกำหนด ค่าของนโยบายจะถูกใช้ในกรณีที่นโยบายที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นตามลำดับไม่ได้ถูกกำหนด เมื่อนโยบายนี้ถูกล้าง ลักษณะการทำงานของนโยบายที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้นจะยังคงไม่ได้รับผลกระทบ ใช้เวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงโดยค่าเริ่มต้น ค่ากำหนดของ เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากไคลเอ็นต์ที่เข้าถึงจากระยะไกล ลงทะเบียนเครื่องจัดการโปรโตคอล ควรจะอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าช่องสำหรับเปิดตัวการอัปเดตหรือไม่ นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น แสดงรายการส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้การสาธิตสำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ส่วนขยายเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์และติดตั้งขณะที่ออฟไลน์ได้หลังจากการติดตั้ง แต่ละรายการจะมีพจนานุกรมที่ต้องมี ID ส่วนขยายในฟิลด์ "extension-id" และ URL การอัปเดตในฟิลด์ "update-url" รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์ อนุญาตหรือปฏิเสธการจับภาพวิดีโอ หากเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า (ค่าเริ่มต้น) ผู้ใช้จะได้รับแจ้งสำหรับ การเข้าถึงการจับภาพวิดีโอยกเว้น URL ที่กำหนดค่าใน รายการ VideoCaptureAllowedUrls ซึ่งจะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงโดยไม่ต้องแจ้ง เมื่อนโยบายนี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งและการจับภาพ วิดีโอจะสามารถใช้ได้กับ URL ที่กำหนดค่าใน VideoCaptureAllowedUrls เท่านั้น นโยบายนี้มีผลกระทบต่ออินพุตวิดีโอทุกประเภทและไม่เพียงแค่กล้องในตัวเท่านั้น อนุญาตให้แสดงป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้ บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ควบคุมว่าผู้ใช้จะสามารถแสดงรหัสผ่านเป็นข้อความที่ชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่านหรือไม่ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ตัวจัดการรหัสผ่านจะไม่อนุญาตให้แสดงรหัสผ่านที่เก็บไว้เป็นข้อความที่ชัดเจนในหน้าต่างตัวจัดการรหัสผ่าน หากคุณเปิดใช้งานหรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถดูรหัสผ่านของตนเป็นข้อความที่ชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่านได้ บังคับให้ทำการค้นหาใน Google ค้นเว็บด้วยค้นหาปลอดภัย และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดการตั้งค่านี้ ค้นหาปลอดภัยใน Google Search จะทำงานตลอดเวลา หากคุณปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ค้นหาปลอดภัยใน Google Search จะไม่ทำงาน แสดงกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนหน้าตัวอย่างการพิมพ์ เมื่อเปิดการตั้งค่านี้ จะเปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนหน้าตัวอย่างการพิมพ์ในตัวเมื่อผู้ใช้ขอให้พิมพ์หน้าเว็บ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเท็จ คำสั่งพิมพ์จะเรียกหน้าตัวอย่างการพิมพ์ขึ้นมา เปิดใช้งานการสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแล เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่ายใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านี้ไม่เพียงควบคุมการโหลด DNS ล่วงหน้า แต่ยังควบคุมการเชื่อมต่อ TCP และ SSL ล่วงหน้า และการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้าด้วย ชื่อนโยบายอ้างอิงถึงการโหลด DNS ล่วงหน้าเพื่อจุดประสงค์ด้านประวัติ หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ใน ได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้จะสามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ บัญชีภายในอุปกรณ์ รีบูตอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต อนุญาตให้ เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปลั๊กอินที่ยังไม่เก่าจะทำงานเสมอ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขออนุญาตจากผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์ ปลั๊กอินเหล่านี้อาจทำให้ระบบผ่อนปรนเรื่องความปลอดภัยลง เปิดใช้งานคุณลักษณะป้อนอัตโนมัติของ และช่วยให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเว็บฟอร์มอัตโนมัติโดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลบัตรเครดิต หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้งานการป้อนอัตโนมัติไม่ได้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่า การป้อนอัตโนมัติจะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าโปรไฟล์ป้อนอัตโนมัติและปิดหรือเปิดการป้อนอัตโนมัติได้ตามที่ผู้ใช้เห็นสมควร รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค ต่อโปรไฟล์ ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่  หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ถูกตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีการใช้งานในขณะกำลังเล่นวิดีโอ การดำเนินการนี้ป้องกันไม่ให้มีการเข้าถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอ ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ และระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอ และป้องกันไม่ให้มีการทำงานที่สอดคล้องกัน หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" กิจกรรมวิดีโอจะไม่ป้องกันผู้ใช้การจากถูกพิจารณาว่าไม่มีการใช้งาน หมดเวลาจนกว่าจะดำเนินการออกจากระบบของผู้ใช้ที่ไม่มีการใช้งาน ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ เปิดใช้คุณลักษณะแพลตฟอร์มเว็บที่เลิกใช้แล้ว ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่ เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์เสมอ ตั้งค่าข้อจำกัดการเรียกเมล็ดรูปแบบ หน้าแรก ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ URL ควรจะมีสตริง ซึ่งจะถูกแทนที่โดยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนเมื่อเวลาที่ค้นหา นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ นโยบายนี้มีการใช้งานเฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น หากคุณกำหนดการตั้งค่านี้เป็นเปิดใช้งาน การค้นหาอัตโนมัติและการติดตั้งปลั๊กอินที่ขาดหายไปจะถูกปิดใช้งานใน การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้งานหรือปล่อยไว้โดยไม่ได้ตั้งค่า เครื่องมือค้นหาปลั๊กอินจะทำงาน การทำงานของอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ปิดฝา ช่วยให้คุณสามารถระบุรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ ควรเลือกใบรับรองของไคลเอ็นต์โดยอัตโนมัติหากไซต์ขอใบรับรอง หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะไม่มีการเลือกโดยอัตโนมัติสำหรับไซต์ใดๆ เลย คำอธิบาย เปิดใช้งานการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรองอื่นๆ ที่มีการสร้างไว้ใน (เช่น "ไม่พบหน้าเว็บ") และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรอง หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่มีการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรอง หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่อง ปิดกั้นคุกกี้ของบุคคลที่สาม URL การจับคู่พจนานุกรมเข้ากับธงบูลีนที่ระบุว่าการเข้าถึงโฮสต์ต้องได้รับอนุญาต (True) หรือถูกบล็อก (False) นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายใน Chrome เอง ไม่ดำเนินการใดๆ แสดงชื่อผู้ใช้บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ แสดงปุ่ม "หน้าแรก" บนแถบเครื่องมือ กำหนดค่ารายการที่ไม่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย รูปภาพวอลเปเปอร์ ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก ข้ามการตรวจสอบเมตาแท็กใน เปิดใช้งานการใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การค้นหาเริ่มต้นจะดำเนินการเมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบอเนกประสงค์ คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่จะใช้โดยการตั้งค่านโยบายการค้นหาเริ่มต้นส่วนที่เหลือ หากเว้นว่างไว้ ผู้ใช้สามารถเลือกผู้ให้บริการเริ่มต้นได้ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การค้นหาจะดำเนินการไม่ได้เมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบอเนกประสงค์ หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ใน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถกำหนดรายการผู้ให้บริการการค้นหาได้ เปิดใช้งานคุณลักษณะการเข้าถึงเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกเปิดใช้งานเสมอ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเสมอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่จะสามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ เปิดใช้งานการตอบสนองด้วยเสียง นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วนับตั้งแต่ เวอร์ชัน 35 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลหน่วยความจำจะได้รับการรายงานบนหน้า ไม่ว่าค่าของตัวเลือกจะเป็นอย่างไร แต่ขนาดที่รายงาน จะได้รับการแบ่งนับและมีการจำกัดอัตราของการอัปเดตเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หากต้องการได้ข้อมูลที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ โปรดใช้เครื่องมืออย่างเช่น การวัดและส่งข้อมูลทางไกล การตั้งค่าเนื้อหาช่วยให้คุณระบุวิธีจัดการเนื้อหาบางประเภท (เช่น คุกกี้ รูปภาพ หรือ JavaScript) บล็อกการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้ นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้แล้ว จะใช้กลยุทธ์ในการล้างข้อมูลแบบ "RemoveLRU" เสมอ ควบคุมพฤติกรรมการล้างข้อมูลอัตโนมัติบนอุปกรณ์ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นเมื่อพื้นที่ว่างของดิสก์ลดลงถึงระดับวิกฤตเพื่อกู้คืนพื้นที่บางส่วนของดิสก์ หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRU" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้จากอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRUIfDormant" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างน้อย 3 เดือนไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะใช้กลยุทธ์เริ่มต้นที่มีในตัว ซึ่งปัจจุบันคือกลยุทธ์ "RemoveLRUIfDormant" ระบุชื่อของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น หากปล่อยว่างหรือไม่ได้กำหนดไว้ จะใช้ชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้โดย URL ค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น ระบุว่าอนุญาตให้ล็อกหน้าจอให้เปิดค้างหรือไม่ สามารถส่งคำขอล็อกหน้าจอให้เปิดค้างได้โดยใช้ส่วนขยายผ่านทาง API ส่วนขยายการจัดการพลังงาน หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ตั้งค่า การล็อกหน้าจอให้เปิดค้างจะยึดตามการจัดการพลังงาน หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False คำขอล็อกหน้าจอให้เปิดค้างจะถูกละเว้น คุณลักษณะที่ได้รับการสนับสนุน: เปิดการรายงานข้อมูลหน่วยความจำ (JS ขนาดใหญ่) บนหน้า (กำหนดให้เลิกใช้แล้ว) ชื่อไลบรารี GSSAPI เรียกใช้แอปพลิเคชันพื้นหลังต่อไปเมื่อปิด ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC  เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะล็อกหน้าจอ เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น  วิธีล็อกหน้าจอที่แนะนำในขณะที่ไม่ใช้งานคือ เปิดใช้งานการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ ระงับการใช้งานหลังจากระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าความล่าช้าของการไม่ใช้งาน กำหนดว่าควรจะเปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูลสำหรับอุปกรณ์หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" การโรมมิ่งข้อมูลจะได้รับอนุญาต หากไม่กำหนดค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่สามารถใช้การโรมมิ่งข้อมูลได้ URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows: ปิดกั้นคุกกี้บนไซต์เหล่านี้ ปิดใช้งาน Google ไดรฟ์ผ่านทางการเชื่อมต่อเครือข่ายเคลื่อนที่ในแอป Files ของ Chrome OS รายงานจำนวนครั้งของกิจกรรมบนอุปกรณ์ ควบคุมว่า จะอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หรือไม่ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้ที่ไม่มีบัญชีอยู่จะไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า จะเป็นการอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่ได้ถ้า ไม่ได้ป้องกันผู้ใช้จากการลงชื่อเข้าใช้ กำหนดค่าการยืนยันระยะไกลกับกลไก TPM ด้วยข้อเท็จจริงที่การตรวจสอบความล้มเหลวที่ไม่ร้ายแรงและการเพิกถอนแบบออนไลน์จะไม่มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจน จึงมีการปิดใช้งานไว้โดยค่าเริ่มต้นใน เวอร์ชัน 19 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีนำพฤติกรรมก่อนหน้ามาใช้และการตรวจสอบ OCSP/CRL แบบออนไลน์จะมีการทำงาน หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็น "เท็จ" จะทำให้ Chrome ไม่ตรวจสอบการเพิกถอนแบบออนไลน์ใน Chrome 19 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ควบคุมชื่อบัญชี ที่แสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้สำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน หากตั้งค่านโยบายนี้ หน้าลงชื่อเข้าใช้จะใช้ข้อมูลที่ระบุในตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้แบบรูปภาพสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะใช้ ID บัญชีอีเมลของบัญชีภายในอุปกรณ์เป็นชื่อสำหรับแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผลกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไป กำหนดการเข้ารหัสตัวอักษรที่สนับสนุนโดยผู้ให้บริการการค้นหา การเข้ารหัสหมายถึงชื่อหน้ารหัสอย่างเช่น UTF-8, GB2312 และ ISO-8859-1 โดยมีการนำมาใช้ตามลำดับที่ให้มา นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ UTF-8 นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น ปิดใช้งานการซิงค์ของ Google ไดรฟ์ในแอป Files ของ Chrome OS เมื่อตั้งค่าเป็น True ในกรณีนี้ จะไม่มีข้อมูลใดได้รับการอัปโหลดไปยัง Google ไดรฟ์ หากไม่ได้รับการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น False ผู้ใช้จะสามารถถ่ายโอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ได้ ปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน ปิดใช้งาน "ไดรฟ์" ในแอป Files ของ Chrome OS ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาทันใจด้วย POST. ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าก็จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาทันใจจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน ระบุระยะเวลาที่ต้องการให้ล็อกหน้าจอหากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะที่กำลังใช้ไฟ AC หรือแบตเตอรี่ เมื่อตั้งค่าระยะเวลาเป็นค่าที่มากกว่าศูนย์ ค่าดังกล่าวจะแสดงถึงระยะเวลาที่ผู้ใช้ไม่มีการใช้งานก่อนที่ จะล็อกหน้าจอ เมื่อตั้งค่าระยะเวลาเป็นศูนย์ จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ระยะเวลาที่เป็นค่าเริ่มต้น วิธีที่แนะนำในการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการใช้งานคือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อระงับการใช้งานและให้ ระงับการใช้งานหลังจากการหน่วงเวลาเมื่อไม่มีการใช้งาน นโยบายนี้ควรนำมาใช้เฉพาะเมื่อการล็อกหน้าจอเกิดขึ้นนานแล้วก่อนที่จะมีการระงับการใช้งานหรือเมื่อไม่ต้องการให้ระงับการใช้งานเลยเมื่อไม่มีการใช้งาน ควรระบุค่าของนโยบายโดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าการหน่วงเวลาเมื่อไม่มีการใช้งาน ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นของทั่วโลกสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultJavaScriptSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้ อนุญาตให้ จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้ ช่วยให้คุณกำหนดค่าหน้าเว็บที่จะโหลดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน เนื้อหาของรายการ "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" จะถูกข้ามไปจนกว่าคุณจะเลือก "เปิดรายการ URL" ใน "การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" ควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์บนอุปกรณ์ หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักหรือผู้ใช้รองในเซสชันหลายโปรไฟล์ได้ หากกำหนดนโยบายเป็น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักได้เท่านั้นในเซสชันหลายโปรไฟล์ หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorNotAllowed" ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าร่วมเซสชันหลายโปรไฟล์ หากคุณทำการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทนที่ได้ หากการตั้งค่ามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เซสชันหลายโปรไฟล์ ผู้ใช้ทั้งหมดในเซสชันจะได้รับการตรวจสอบเทียบกับการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องของพวกเขา เซสชันจะปิดลงหากมีผู้ใช้รายใดรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเซสชันอีกต่อไป หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการโดยองค์กรและ "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ ระบุการกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC เมื่อนโยบายนี้ถูกกำหนด นโยบายจะระบุการกระทำที่ จะดำเนินการเมื่อผู้ใช้ยังคงไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลาที่กำหนดโดยการหน่วงเวลาไม่ใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกต่างหาก เมื่อนโยบายนี้ถูกล้าง การกระทำเริ่มต้นจะถูกดำเนินการ ซึ่งก็คือการระงับ หากการกระทำถูกระงับ สามารถถูกกำหนดค่าแยกต่างหากเพื่อล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนการระงับ เปิดหน้าแท็บใหม่ กำหนดการตั้งค่าพร็อกซีสำหรับ นโยบายนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน ดังนั้นโปรดอย่าใช้ นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก ตั้งค่าไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้ กำหนดว่าผู้ใช้สามารถจะเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนใน ได้หรือไม่ หากเลือก "เปิดใช้งาน" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากเลือก "ปิดใช้งาน" ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากเลือก "บังคับ" หน้าเว็บจะเปิดขึ้นได้ในโหมดไม่ระบุตัวตนเท่านั้น ซ่อนแอป Chrome เว็บสโตร์ และส่วนท้ายจากหน้าแท็บใหม่ และตัวเรียกใช้งานแอป Chrome OS เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" ไอคอนจะถูกซ่อน เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่มีการกำหนดค่า จะสามารถมองเห็นไอคอนได้ ปิดใช้งานหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์ กำหนดเป้าหมายรุ่นที่อัปเดตอัตโนมัติ กำหนดค่าการตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน นโยบายนี้จะควบคุมการตั้งค่าหลายอย่างสำหรับกลยุทธ์การจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน การทำงานแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้: * หน้าจอจะสลัวถ้าผู้ใช้ยังคงไม่ใช้งานเป็นเวลาตามที่ระบุโดย |ScreenDim| * หน้าจอจะปิดลงถ้าผู้ใช้ยังคงไม่ใช้งานเป็นเวลาตามที่ระบุโดย |ScreenOff| * กล่องคำเตือนจะแจ้งเตือนถ้าผู้ใช้ยังคงไม่ใช้งานเป็นเวลาตามที่ระบุโดย |IdleWarning| ซึ่งจะแจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มการทำงานสำหรับการไม่ใช้งาน * การทำงานที่ระบุโดย |IdleAction| จะเริ่มต้นถ้าผู้ใช้ยังคงไม่ใช้งานเป็นเวลาตามที่ระบุโดย |Idle| สำหรับการทำงานแต่ละประเภทข้างต้น ควรระบุการหน่วงเวลาโดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาทีและต้องตั้งค่าเป็นค่าที่มากกว่าศูนย์เพื่อเรียกการทำงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่การหน่วงเวลามีค่าเป็นศูนย์ จะไม่เริ่มการทำงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการหน่วงเวลาแต่ละประเภทข้างต้น เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น โปรดทราบว่าค่า |ScreenDim| จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ |ScreenOff| ส่วน |ScreenOff| และ |IdleWarning| จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ |Idle| |IdleAction| อาจเป็นการทำงานหนึ่งใน 4 กรณีต่อไปนี้: * |Suspend| * |Logout| * |Shutdown| * |DoNothing| เมื่อไม่มีการตั้งค่า |IdleAction| ระบบจะใช้การทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งก็คือการระงับการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่าแยกต่างหากสำหรับไฟ AC และแบตเตอรี่ด้วย อนุญาตให้ใช้การกำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดของอุปกรณ์ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิดซึ่งอธิบายไว้ที่ เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล คำหลักของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น โปรแกรมรักษาหน้าจอที่จะใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก เปิดหรือปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่มี PIN ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการเข้าถึงกล้องและ/หรือไมโครโฟน เปิดใช้งานแปลภาษา ระงับการใช้งาน อนุญาตให้เรียกดูช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ ถามเมื่อไซต์ต้องการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้ ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เรียกใช้ JavaScript ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าตัวแสดงผล HTML เริ่มต้นเมื่อทำการติดตั้ง การตั้งค่าเริ่มต้นที่ใช้เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้คือการอนุญาตให้เบราว์เซอร์ของโฮสต์ทำการแสดงผล แต่คุณสามารถเลือกที่จะแทนที่การตั้งค่านี้และทำให้ แสดงหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น อนุญาตให้ไซต์แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป ปัจจัยการกระจายการอัปเดตอัตโนมัติ เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์กใน หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะแสดงแถบบุ๊กมาร์ก หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่เห็นแถบบุ๊กมาร์ก หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน หากการตั้งค่านี้ไม่ได้กำหนดไว้ ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่ กำหนดค่าขนาดของแคชที่ จะใช้สำหรับการเก็บไฟล์แคชบนดิสก์ หากคุณตั้งนโยบายนี้ จะใช้ขนาดของแคชที่ระบุไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้ได้ระบุค่าสถานะ '--disk-cache-size' ไว้ไหม ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นคำแนะนำสำหรับระบบการแคช ค่าใดก็ตามที่น้อยกว่าสองสามเมกะไบต์จะถือว่าน้อยเกินไปและจะปัดให้เป็นค่าต่ำสุดที่รับได้ หากค่าของนโยบายนี้คือ 0 จะมีการใช้ขนาดของแคชเริ่มต้นแต่ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ขนาดเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างด้วยธง --disk-cache-size เปิดใช้งานการพิมพ์ ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดที่ควรอยู่ในรายการที่อนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผนวกรวม การตรวจสอบสิทธิ์แบบผนวกรวมจะถูกเปิดใช้งานเมื่อ ได้รับการท้าทายการตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ซึ่งอยู่ในรายการที่อนุญาตนี้เท่านั้น แยกชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน (*) หากคุณปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า Chrome จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตหรือไม่ และจะตอบรับคำขอ IWA หลังจากนั้นเท่านั้น หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต Chrome จะเพิกเฉยต่อคำขอ IWA ไอคอนของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น ให้คุณสามารถระบุพฤติกรรมเมื่อเริ่มต้นทำงานได้ หากคุณเลือก "เปิดหน้าแท็บใหม่" หน้าแท็บใหม่จะเปิดขึ้นเสมอเมื่อคุณเริ่มใช้งาน หากคุณเลือก "คืนค่าเซสชันล่าสุด" URL ที่เปิดไว้ในตอนที่ปิด ครั้งล่าสุดจะเปิดขึ้นมาอีกครั้งและเซสชันการเรียกดูจะได้รับการคืนค่าเหมือนที่เคยเปิดไว้ล่าสุด การเลือกตัวเลือกนี้จะเป็นการปิดการตั้งค่าบางอย่างที่ต้องใช้เซสชันหรือที่ทำงานเมื่อออกไป (เช่น ล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออกหรือคุกกี้ของเซสชันโดยเฉพาะ) หากคุณเลือก "เปิดรายการ URL" รายการ "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นทำงาน" จะเปิดขึ้นเมื่อผู้ใช้เริ่มใช้งาน หากคุณเปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างการตั้งค่าใน ได้ การปิดการตั้งค่านี้เทียบเท่ากับการไม่ได้กำหนดค่าใดๆ ผู้ใช้จะยังสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ใน ปิด ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้และจะไม่สามารถตรวจสอบองค์ประกอบของเว็บไซต์ได้อีกต่อไป แป้นพิมพ์ลัดใดๆ และเมนูหรือข้อความเมนูตามบริบทใดๆ ที่เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript จะถูกปิดใช้งาน การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้งานหรือปล่อยไว้โดยไม่ได้ตั้งค่าจะเป็นการอนุญาตให้ใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ หากเปิดใช้งานไว้ จะไม่สามารถจับภาพหน้าจอโดยใช้แป้นพิมพ์ลัดหรือ API ของส่วนขยาย หากปิดใช้งานหรือไม่ได้ระบุ จะสามารถจับภาพหน้าจอได้ รายงานผู้ใช้อุปกรณ์ อุปกรณ์ Chrome OS สามารถใช้การรับรองจากระยะไกล (การเข้าถึงที่ยืนยันแล้ว) เพื่อรับใบรับรองที่ออกโดย Chrome OS CA ที่รับรองว่าอุปกรณ์มีสิทธิ์เล่นเนื้อหาที่ได้รับความคุ้มครอง ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลการรับรองฮาร์ดแวร์ไปยัง Chrome OS CA ที่ระบุอุปกรณ์โดยไม่ซ้ำกัน หากการตั้งค่านี้เป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะไม่ใช้การรับรองจากระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาและอุปกรณ์อาจไม่สามารถเล่นเนื้อหาที่ได้รับความคุ้มครองได้ หากการตั้งค่านี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า การรับรองจากระยะไกลอาจถูกใช้สำหรับการปกป้องเนื้อหา อนุญาตให้ จัดการประเภทเนื้อหาตามที่แสดงในรายการ ชื่อนโยบาย เปิดหรือปิดใช้งานการแก้ไขบุ๊กมาร์ก ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อปหรือไม่ การแสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อปอาจจะได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น ปฏิเสธโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้อาจได้รับคำถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการจะแสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อป หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AskNotifications" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ อนุญาตล็อกปลุกหน้าจอ กำหนดค่าผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่ผู้ใช้จะใช้หรือเลือกปิดใช้งานการค้นหาเริ่มต้น หากนโยบายนี้มีการกำหนดค่าเป็น "จริง" และไม่ได้ระบุนโยบาย ChromeOsReleaseChannel ไว้ ผู้ใช้ในโดเมนที่ลงทะเบียนจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงช่องสำหร้บเปิดตัวการอัปเดตของอุปกรณ์ได้ หากนโยบายถูกกำหนดค่าเป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะถูกล็อกในช่องใดก็ตามที่ถูกตั้งค่าไว้ล่าสุด ช่องที่ผู้ใช้เลือกจะถูกแทนที่โดยนโยบาย ChromeOsReleaseChannel แต่ถ้าช่องนโยบายมีความเสถียรมากกว่าช่องที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ ช่องดังกล่าวจะเปิด/ปิดใช้งานหลังจากที่ช่องที่เสถียรมากกว่าอัปเกรดไปจนถึงรุ่นที่สูงกว่าช่องที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โดย และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกข้ามไป หากคุณเลือกใช้การตรวจจับพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกข้ามไป สำหรับตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะข้ามตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพร็อกซีที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง สกีมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุน เปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น การตั้งค่าการแจ้งเตือนเริ่มต้น ชื่อเว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน) กำหนดว่าจะให้ เก็บข้อมูลบัญชีในตัวเครื่องหลังจากที่ออกจากระบบหรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะไม่เก็บบัญชีใดๆ ไว้อย่างถาวร และข้อมูลทั้งหมดจากเซสชันผู้ใช้จะถูกยกเลิกหลังจากที่ออกจากระบบ ถ้านโยบายนี้ถูกกำหนดเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า อุปกรณ์อาจเก็บข้อมูลผู้ใช้ในตัวเครื่องไว้ (โดยที่เข้ารหัส) กำหนดค่าการตรวจสอบเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตรวจสอบดังกล่าว หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะตรวจสอบทุกครั้งที่เริ่มต้นใช้งานว่าตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และจะลงทะเบียนตนเองโดยอัตโนมัติหากทำได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน จะไม่ตรวจสอบว่าตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และจะปิดใช้งานการควบคุมโดยผู้ใช้สำหรับการตั้งค่าตัวเลือกนี้ หากไม่มีการกำหนดการตั้งค่านี้ จะอนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมได้ว่าจะให้ตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และควรแสดงการแจ้งเตือนผู้ใช้หรือไม่เมื่อตนเองไม่ได้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้การค้นหาภาพ คำขอค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET หากนโยบาย DefaultSearchProviderImageURLPostParams ถูกกำหนด คำขอค้นหาภาพจะใช้วิธีการ POST แทน นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด จะไม่มีการใช้คำขอค้นหาภาพใดๆ นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้ ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดป๊อปอัป หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPopupsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้เสมอในเบราว์เซอร์โฮสต์ ชื่อโฮสต์การจับคู่พจนานุกรมเข้ากับธงบูลีนที่ระบุว่าการเข้าถึงโฮสต์ต้องได้รับอนุญาต (True) หรือถูกบล็อก (False) นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายใน Chrome เอง บล็อกการเข้าถึงรายการ URL กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยาย ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งส่วนขยายที่ติดบัญชีดำ เว้นแต่ว่าเป็นรายการที่อนุญาตพิเศษ คุณยังสามารถบังคับให้ ติดตั้งส่วนขยายโดยอัตโนมัติด้วยการระบุส่วนขยายใน จะมีการติดตั้งส่วนขยายที่บังคับติดตั้งทุกครั้งแม้ว่าส่วนขยายจะปรากฏอยู่ในบัญชีดำ ช่วยให้ ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีระหว่าง และเครื่องพิมพ์แบบดั้งเดิมที่เชื่อมต่อกับเครื่อง หากมีการเปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดใช้งานพร็อกซี Cloud Print โดยการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชี Google ของตน หากปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้งานพร็อกซีและเครื่องจะไม่ได้รับอนุญาตให้แชร์เครื่องพิมพ์กับ ปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์ของ จะตรวจหาการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่าป๊อปอัปเริ่มต้น ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงป๊อปอัป นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ในตัว ระบุรายชื่อปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้ใน ได้ อักขระสัญลักษณ์แทน "*" และ "?" สามารถใช้เพื่อจับคู่ลำดับของอักขระแบบกำหนดเอง "*" จับคู่จำนวนอักขระแบบกำหนดเอง ขณะที่ "?" ระบุอักขระเดี่ยวที่เลือกได้ เช่น จับคู่เลขศูนย์หรืออักขระใดๆ อักขระสำหรับ Escape คือ "\" ฉะนั้นการจับคู่อักขระ "*", "?" หรือ "\" คุณสามารถใส่ "\" ไว้ข้างหน้าได้ หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ รายชื่อปลั๊กอินที่ระบุสามารถใช้ใน ได้ ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้รายชื่อได้ใน "about:plugins" แม้ว่าปลั๊กอินจะตรงกับรูปแบบใน DisabledPlugins ผู้ใช้สามารถเปิดและปิดใช้ปลั๊กอินที่ไม่ตรงกับรูปแบบใดๆ ใน DisabledPlugins, DisabledPluginsExceptions และ EnabledPlugins ได้ นโยบายนี้ใช้สำหรับอนุญาตปลั๊กอินที่อยู่ในบัญชีดำที่เข้มงวดซึ่งรายชื่อ "DisabledPlugins" มีรายการที่เป็นสัญลักษณ์แทน เช่น ปิดใช้ปลั๊กอินทั้งหมด "*" หรือปิดใช้ปลั๊กอิน Java ทั้งหมด "*Java*" แต่ผู้ดูแลระบบที่ต้องการเปิดใช้ปลั๊กอินบางเวอร์ชัน เช่น "IcedTea Java 2.3" สามารถระบุเวอร์ชันนี้ในนโยบายนี้ได้ โปรดทราบว่าทั้งชื่อปลั๊กอินและชื่อกลุ่มของปลั๊กอินต้องได้รับการยกเว้นไว้ ปลั๊กอินแต่ละกลุ่มจะปรากฏในส่วนต่างๆ แยกกันใน about:plugins โดยในแต่ละส่วนอาจมีปลั๊กอินอย่างน้อยหนึ่งรายการ ตัวอย่างเช่น ปลั๊กอิน "Shockwave Flash" เป็นของกลุ่ม "Adobe Flash Player" และทั้งสองชื่อต้องตรงกับในรายการข้อยกเว้นหากปลั๊กอินดังกล่าวได้รับการยกเว้นจากบัญชีดำ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ปลั๊กอินที่ตรงกับรูปแบบใน "DisabledPlugins" จะถูกปิดไว้และผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้ได้ ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับแคชของดิสก์ พารามิเตอร์สำหรับการแนะนำ URL ที่ใช้ POST ระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงป๊อปอัป ปิดกั้นปลั๊กอินทั้งหมด ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อ ตั้งสถานะเริ่มต้นของคุณลักษณะการเข้าถึงแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถลบล้างการตั้งค่าชั่วคราวได้โดยการเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกของผู้ใช้จะไม่คงอยู่ตลอดไป และระบบจะนำค่าเริ่มต้นกลับมาใช้ทุกครั้งที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ หรือผู้ใช้ไม่มีการใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะถูกปิดเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏขึ้นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อใดก็ได้ และสถานะของแป้นพิมพ์นั้นบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ปิดกั้นป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้ จำกัดระยะเวลาเซสชัน เปิดใช้งานค้นหาทันใจ อนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว ล้างข้อมูลไซต์เมื่อปิดเบราว์เซอร์ (เลิกใช้งานแล้ว) ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์ใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน ประวัติการเรียกดูจะไม่ได้รับการบันทึก หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ประวัติการเรียกดูจะได้รับการบันทึกไว้ เปิดใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแล ควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์ กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ จะใช้สำหรับจัดเก็บไฟล์แคชไว้ในดิสก์ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ "--disk-cache-dir" ไว้หรือไม่ก็ตาม ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ไดเรกทอรีแคชที่เป็นค่าเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถแทนที่ด้วยการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง "--disk-cache-dir" ได้ ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หรือไม่ การเรียกใช้ JavaScript อาจจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AllowJavaScript" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้ เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ หากเปิดใช้งาน ปุ่มออกจากระบบสีแดงขนาดใหญ่จะแสดงในถาดระบบในขณะที่ใช้งานเซสชันอยู่และไม่ได้ล็อกหน้าจอ หากปิดใช้งานหรือไม่ได้ระบุ ปุ่มออกจากระบบสีแดงขนาดใหญ่จะไม่แสดงขึ้นในถาดระบบ ระบุการกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เมื่อนโยบายนี้ถูกกำหนด นโยบายจะระบุการกระทำที่ จะดำเนินการเมื่อผู้ใช้ยังคงไม่ได้ใช้งานเป็นระยะเวลาที่กำหนดโดยการหน่วงเวลาไม่ใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกต่างหาก เมื่อนโยบายนี้ถูกล้าง การกระทำเริ่มต้นจะถูกดำเนินการ ซึ่งก็คือการระงับ หากการกระทำถูกระงับ สามารถถูกกำหนดค่าแยกต่างหากเพื่อล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนการระงับ ระบุว่าควรจะปิดใช้งานการแยกระเบียน SSL หรือไม่ การแยกระเบียน SSL เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นสำหรับจุดอ่อนใน SSL 3.0 และ TLS 1.0 ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ HTTPS และพร็อกซีบางรายการได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" การแยกระเบียนจะถูกใช้ในการเชื่อมต่อ SSL/TLS ซึ่งใช้ Ciphersuit แบบ CBC นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น กำหนดชุด URL ที่จะโหลดเมื่อเริ่มเซสชันการสาธิต นโยบายนี้จะลบล้างกลไกใดๆ ที่ใช้ในการตั้งค่า URL เริ่มต้น และจะสามารถใช้ได้กับเซสชันที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ใช้ใดเป็นการเฉพาะเท่านั้น การกำหนดค่าเครือข่ายระดับผู้ใช้ URL ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ บังคับใช้ค้นหาปลอดภัย URL เว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน) การจัดการพลังงาน โหลด URL ที่ระบุเมื่อลงชื่อเข้าใช้การสาธิต กำหนดคำหลักซึ่งเป็นทางลัดที่ใช้ในแถบอเนกประสงค์เพื่อเริ่มการค้นหาสำหรับผู้ให้บริการนี้ นโยบายนี้จะเป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คำหลักจะไม่สั่งการผู้ให้บริการการค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น รายงานสถานะของสวิตช์นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์เมื่อบูตเครื่อง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่มีการรายงานสถานะของสวิตช์นักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL การค้นหาของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น ปิดใช้งานสกีมโปรโตคอล URL ระบุความการหน่วงเวลาสูงสุดเป็นมิลลิวินาทีระหว่างการรับการลบล้างนโยบายและการเรียกนโยบายใหม่จากบริการจัดการอุปกรณ์ การตั้งค่านโยบายนี้จะแทนที่ค่าเริ่มต้นที่ 5000 มิลลิวินาที ค่าที่ถูกต้องสำหรับนโยบายนี้จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1000 (1 วินาที) ถึง 300000 (5 นาที) ค่าใดๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้เข้าขอบเขตตามลำดับ การละทิ้งนโยบายนี้ไม่ได้ถูกกำหนดจะทำให้ ใช้ค่าเริ่มต้นที่ 5000 มิลลิวินาที ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ กำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ นโยบายนี้ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ที่แสดงบนเดสก์ท็อปและบนพื้นหลังของหน้าจอเข้าสู่ระบบสำหรับผู้ใช้ นโยบายนี้กำหนดโดยระบุ URL ที่ สามารถดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์และการแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และขนาดต้องไม่เกิน 16 MB และต้องสามารถเข้าถึง URL ได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ รูปภาพวอลเปเปอร์จะได้รับการดาวน์โหลดและแคช และจะมีการดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อใดก็ตามที่ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง ควรกำหนดนโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดง URL และแฮชในรูปแบบ JSON ที่สอดคล้องกับรูปแบบดังต่อไปนี้: { "type": "object", "properties": { "url": { "description": "URL ที่สามารถดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์ได้", "type": "string" }, "hash": { "description": "แฮช SHA-256 ของรูปภาพวอลเปเปอร์", "type": "string" } } } หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถแก้ไขหรือแทนที่นโยบายได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะสามารถเลือกรูปภาพที่จะให้ปรากฏบนเดสก์ท็อปและบนพื้นหลังของหน้าจอเข้าสู่ระบบ คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้กำลังแบตเตอรี่ กำหนดค่านโยบายสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในบัญชีดำจะไม่ได้รับอนุญาตเว้นเสียแต่ว่าจะถูกกำหนดให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของคุณลักษณะการเข้าถึงโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานโหมดคอนทราสต์สูง อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานโหมดคอนทราสต์สูงได้ตลอดเวลา และสถานะบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานในระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ URL ค้นหาทันใจของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น เปิดใช้งานการรายงานเมตริก พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาทันใจที่ใช้ POST ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะจับคู่ลูกค้าและโฮสต์ในเวลาเชื่อมต่อ โดยไม่จำเป็นต้องป้อน PIN ทุกครั้ง หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน คุณลักษณะนี้จะไม่สามารถใช้ได้ ได้รับการสนับสนุนบน: URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่ต้องแจ้ง การตั้งค่าพร็อกซี อนุญาตการดาวน์โหลดการอัปเดตอัตโนมัติผ่านทาง HTTP แสดงปุ่มหน้าแรกบนแถบเครื่องมือของ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปุ่มหน้าแรกจะปรากฏเสมอ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปุ่มหน้าแรกจะไม่แสดง หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะแสดงปุ่มหน้าแรกหรือไม่ อนุญาตให้เล่นเสียง อนุญาตให้ผู้ใช้แลกข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ระบุรายการ URL สำรองที่สามารถใช้ในการดึงข้อความค้นหาจากเครื่องมือค้นหา URL ควรมีสตริง ซึ่งจะใช้ในการดึงข้อความค้นหา นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่มีการตั้งค่า จะไม่มีการใช้ URL สำรองใดๆ ในการดึงข้อความค้นหา นโยบายนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์ อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง ระงับการแจ้งเรื่องการปฏิเสธ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อไซต์แสดงผลโดย การเข้ารหัสของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น เปิดใช้งานโหมดความคมชัดสูง หากตั้งค่าเป็นเท็จ การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลโดยผู้ใช้รายนี้จะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลใดๆ ที่มีอยู่แล้วจะยังคงมีอยู่ หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้รายนี้จะสามารถสร้างและจัดการผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้ ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง การยืนยันระยะไกล ซ่อนเว็บสโตร์จากหน้าแท็บใหม่และตัวเรียกใช้งานแอป ตั้งไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้สำหรับ เปิดใช้งานทางลัดแป้นพิมพ์ bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น True และบัญชีภายในอุปกรณ์ได้รับการกำหนดค่าสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบมีความล่าช้าเป็นศูนย์ จะใช้ทางลัดแป้นพิมพ์ Ctrl+Alt+S สำหรับข้ามการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติและแสดงหน้าจอเข้าสู่ระบบ หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็น False จะไม่สามารถข้ามการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบมีความล่าช้าเป็นศูนย์ได้ (หากมีการกำหนดค่า) ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือน หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultNotificationsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง ระบุว่าจะหน่วงเวลาการจัดการพลังงานไหม และการจำกัดความยาวเซสชันควรเริ่มทำงานหลังจากสังเกตพบกิจกรรมแรกของผู้ใช้ในเซสชันเท่านั้นไหม หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นจริง การจัดการพลังงานจะหน่วงเวลาและการจำกัดความยาวเซสชันจะไม่เริ่มทำงานหลังจากสังเกตพบกิจกรรมแรกของผู้ใช้ในเซสชัน หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้ตั้งค่า การจัดการพลังงานจะหน่วงเวลาและการจำกัดความยาวเซสชันจะเริ่มทำงานทันทีที่เริ่มเซสชัน เปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ กำหนดค่าส่วนนำหน้าของ TalkGadget ที่จะถูกใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง หากมีการระบุไว้ ส่วนนำหน้านี้จะถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าชื่อ TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักเพื่อสร้างชื่อโดเมนเต็มสำหรับ TalkGadget ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักนี้คือ '.talkgadget.google.com' หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ โฮสต์จะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองเมื่อเข้าถึง TalkGadget แทนการใช้ชื่อโดเมนค่าเริ่มต้น หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นค่าเริ่มต้น ('chromoting-host.talkgadget.google.com') จะถูกใช้สำหรับโฮสต์ทั้งหมด ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่านโยบายนี้ โดยจะใช้ 'chromoting-client.talkgadget.google.com' เพื่อเข้าถึง TalkGadget เสมอ เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า คำอธิบาย: เปิดใช้งานคุณลักษณะการเข้าถึงเสียงพูดตอบรับ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เสียงพูดตอบรับจะถูกเปิดใช้งานเสมอ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเสมอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่า เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่จะสามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอิน หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPluginsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้ หากเลือก "เปิดรายการของ URL" เป็นการทำงานเริ่มต้น จะทำให้คุณสามารถระบุรายการของ URL ที่ถูกเปิด หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิด URL เมื่อเริ่มต้น นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะในกรณีที่นโยบาย "RestoreOnStartup" ถูกตั้งค่าเป็น "RestoreOnStartupIsURLs" เท่านั้น ปิดใช้งานการสนับสนุนสำหรับ API ของกราฟิก 3 มิติ การเปิดใช้งานการตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้หน้าเว็บเข้าถึงหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน้าเว็บจะไม่สามารถเข้าถึง WebGL API และปลั๊กอินจะไม่สามารถใช้ API ของ Pepper 3 มิติ การปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยไว้โดยไม่ได้ตั้งค่าอาจทำให้หน้าเว็บสามารถใช้ WebGL API และปลั๊กอินสามารถใช้ API ของ Pepper 3 มิติ การตั้งค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์อาจยังต้องการอาร์กิวเมนต์บรรทัดคำสั่งที่จะถูกส่งผ่านไปเพื่อใช้ API เหล่านี้ ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ อนุญาตให้คุณลงทะเบียนรายชื่อเครื่องจัดการโปรโตคอล ซึ่งจะแนะนำได้โดยนโยบายเท่านั้น ต้องมีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ |protocol| ในรูปแบบ เช่น "mailto" และต้องมีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ |url| ในรูปแบบ URL ของแอปพลิเคชันที่จัดการรูปแบบดังกล่าว รูปแบบอาจมี "%s" ซึ่งจะแทนที่ด้วย URL ที่มีการจัดการหากปรากฏขึ้น เครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนจะรวมเข้ากับเครื่องจัดการที่ผู้ใช้ลงทะเบียน และจะพร้อมใช้งานทั้งสองแบบ ผู้ใช้สามารถแทนที่เครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายติดตั้ง โดยการติดตั้งเครื่องจัดการเริ่มต้นใหม่ แต่จะไม่สามารถนำเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนออกได้ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า จะเปิดใช้งานการลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือน การลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือนจะเป็นเซสชันผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนและไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่อนุญาตให้เริ่มเซสชันของผู้มาเยือน นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น เมื่อมีการระบุค่า DeviceIdleLogoutTimeout นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาของช่องเตือนที่มีตัวเลขนับถอยหลังซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้เห็นก่อนที่จะดำเนินการออกจากระบบ ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือน หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultNotificationsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง ช่วยให้คุณสามารถระบุว่าโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมใดที่ไม่ควรโหลด ค่า "*" ของบัญชีดำหมายถึงโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการระบุอย่างชัดแจ้งให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า จะโหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ รายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ที่ลงทะเบียน หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น True อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะรายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์เป็นระยะๆ หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการรายงานข้อมูลเวอร์ชัน เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล เพิ่มพารามิเตอร์ไปยังการเรียกเมล็ดรูปแบบใน หากระบุ จะเป็นการเพิ่มพารามิเตอร์ข้อความค้นหาที่เรียกว่า "restrict" ไปยัง URL ที่ใช้เพื่อเรียกเมล็ดรูปแบบ ค่าของพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้ หากไม่ระบุ จะไม่แก้ไข URL เมล็ดรูปแบบ ตั้งค่าขนาดแคชดิสก์ โปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นสำหรับ ระบุระยะเวลาเป็นหน่วยมิลลิวินาทีสำหรับการสอบถามบริการจัดการอุปกรณ์เกี่ยวกับข้อมูลนโยบายผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 3 ชั่วโมง ค่าที่ใช้ได้สำหรับนโยบายนี้ต้องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1800000 (30 นาที) ถึง 86400000 (1 วัน) ค่าใดๆ ที่ไม่อยู่ในช่วงนี้จะถูกปรับไปเป็นค่าที่ขอบที่เหมาะสมกับค่านั้น การปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่กำหนดค่าจะทำให้ ใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 3 ชั่วโมง เปิดใช้หรือปิดใช้พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้หรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือโอเวอร์ไรด์การตั้งค่านี้ หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่า คุณลักษณะพร็อกซีการบีบอัดข้อมูลจะพร้อมใช้งานสำหรับให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้ เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD รายการยกเว้นสำหรับรายการของปลั๊กอินที่ถูกปิดใช้งาน ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับดาวน์โหลด อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงหรือไม่ การเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงอาจได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้สามารถรับข้อความสอบถามทุกๆ ครั้งที่เว็บไซต์ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียง หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ "PromptOnAccess" จะถูกใช้และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เปิดหรือปิดใช้ทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกแสดงหรือซ่อนทางลัดของแอปจากเมนูบริบทของแถบบุ๊กมาร์ก หากมีการกำหนดค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทางลัดของแอปจะแสดงเสมอหรือไม่แสดงเลย ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก คลิกเพื่อเล่น กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ โดยมีรูปแบบดังนี้ เช่น หากต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบนี้ หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีข้อจำกัดใดๆ สำหรับผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงจำเป็นต้องกำหนดค่าของนโยบาย ให้เหมาะสม แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC  เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะปิดหน้าจอ เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้งาน เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ JavaScript กำหนดค่าส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และแหล่งติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้ พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับ ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลกับ Google เปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ การตั้งค่าเนื้อหา กำหนดค่าขนาดของแคชที่ จะใช้สำหรับการเก็บไฟล์สื่อที่แคชบนดิสก์ หากคุณตั้งนโยบายนี้ จะใช้ขนาดของแคชที่ระบุไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้ได้ระบุธง '--media-cache-size' ไว้หรือไม่ ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นคำแนะนำสำหรับระบบการแคช ค่าใดก็ตามที่ต่ำกว่าไม่กี่เมกะไบต์จะถือว่าเล็กเกินไปและจะปัดให้เป็นค่าต่ำสุดที่รับได้ หากค่าของนโยบายนี้คือ 0 จะมีการใช้ขนาดของแคชเริ่มต้นแต่ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ขนาดเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างด้วยค่าสถานะ --media-cache-size แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้ใน กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ คำขอตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby จะส่งผ่านพร็อกซีโดยใช้การเชื่อมต่อโฮสต์ระยะไกล หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่า คำขอตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby จะไม่ส่งผ่านพร็อกซี อนุญาตให้เข้าถึงไฟล์ในเครื่องโดยการอนุญาตให้ แสดงช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปิดช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ตามปกติ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ดำเนินการที่อาจกระตุ้นให้ช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ปรากฏขึ้น (เช่น การนำเข้าบุ๊กมาร์ก การอัปโหลดไฟล์ การบันทึกลิงก์ ฯลฯ) ข้อความจะปรากฏขึ้นแทนโดยถือว่าผู้ใช้ได้คลิก "ยกเลิก" ในช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านี้ ผู้ใช้สามารถเปิดช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ตามปกติ กำหนดค่ารายการของรูปแบบ URL ที่ควรจะแสดงผลโดย หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ดังที่ระบุไว้ตามนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ http://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ รายชื่อของแอปพลิเคชันที่ตรึงจะแสดงในตัวเรียกใช้งาน เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับอุปกรณ์ ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ เปิดใช้งาน JavaScript นโยบายนี้กำหนดค่าการเปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนเป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลใน ChromeOS ผู้ใช้ไม่สามารถแทนที่นโยบายนี้ได้ หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น True แป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอจะเปิดใช้อยู่เสมอ หากตั้งค่าเป็น False แป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอจะปิดใช้อยู่เสมอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่นโยบายได้ แต่ผู้ใช้จะยังสามารถเปิด/ปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอสำหรับการเข้าถึง ซึ่งสำคัญกว่าแป้นพิมพ์เสมือนที่นโยบายนี้ควบคุมอยู่ โปรดดูนโยบาย |VirtualKeyboardEnabled| สำหรับการควบคุมแป้นพิมพ์บนหน้าจอสำหรับการเข้าถึง หากปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะถูกปิดใช้ในเบื้องต้น แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังอาจใช้กฎที่ช่วยแก้ปัญหาเพื่อตัดสินว่าจะแสดงแป้นพิมพ์เมื่อใดได้ด้วย อนุญาตให้ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับผู้ใช้ (ติดตั้งโดยไม่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ) อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ปลั๊กอินโดยอัตโนมัติ ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อเป็นไบต์ ระบุว่าเครื่องมือค้นหาปลั๊กอินควรจะปิดใช้งานหรือไม่ ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมต้องห้าม (หรือ * สำหรับทั้งหมด) กำหนดประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งาน หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งาน การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่สามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่าย ระบุ URL ที่เครื่องมือค้นหาจะใช้เพื่อให้บริการหน้าแท็บใหม่ นโยบายนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่บังคับ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีหน้าแท็บใหม่ให้บริการ นโยบายนี้จะมีผลใช้เฉพาะเมื่อนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้ ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultJavaScriptSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง ประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าบุ๊กมาร์ก หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ จะใช้ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ "--user-data-dir" ไว้หรือไม่ก็ตาม ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้เส้นทางโปรไฟล์ที่เป็นค่าเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถแทนที่ด้วยการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง "--user-data-dir" ได้ ลงชื่อเข้าใช้รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาต ระบุ URL ไอคอนที่ชื่นชอบของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการแสดงไอคอนสำหรับผู้ให้บริการการค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น ชื่อผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายผู้ใช้ รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อค้นหา URL ด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน ความพร้อมใช้งานของโหมดไม่ระบุตัวตน ปิดใช้งานโปรโตคอล SPDY ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงภาพ หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultImagesSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง การตั้งค่าเริ่มต้น (ผู้ใช้แทนที่ได้) อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นทั้งผู้ใช้หลักและรอง (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ) ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ เซสชันสาธารณะเพื่อการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติหลังจากความล่าช้า หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ เซสชันที่ระบุจะถูกลงชื่อเข้าใช้อัตโนมัติหลังจากช่วงเวลาหนึ่งได้ล่วงเลยไปบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบโดยไม่มีการโต้ตอบของผู้ใช้ เซสชันสาธารณะต้องได้รับการกำหนดค่าไว้แล้ว (ดู |DeviceLocalAccounts|) หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ ลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ได้อยู่ในชุดเนื้อหาใดๆ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า จะแสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้และอนุญาตให้เลือกผู้ใช้ได้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะใช้ชื่อในหน้าต่างสอบถามชื่อผู้ใช้/รหัสผ่านสำหรับการลงชื่อเข้าใช้ อนุญาตให้คุณตั้งค่ารายการรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้ที่เกี่ยวกับเซสชันเท่านั้น หากปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่ตั้งค่า ค่าเริ่มต้นที่ใช้ทั้งระบบจะมีการใช้ในทุกไซต์ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" (ถ้ามีการตั้งค่าไว้) หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ หากมีการกำหนดค่านโยบาย "RestoreOnStartup" เป็นคืนค่า URL จากเซสชันก่อนหน้า จะไม่มีการนำนโยบายนี้มาใช้ และจะมีการเก็บคุกกี้ในไซต์เหล่านั้นอย่างถาวร เปิดใช้งานการรายงานการใช้และข้อมูลเกี่ยวกับการขัดข้อง เปลี่ยนการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นของแป้นแถวบนสุดเป็นแป้นฟังก์ชัน หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "จริง" แป้นแถวบนสุดของแป้นพิมพ์จะให้ผลการทำงานเป็นคำสั่งของแป้นฟังก์ชันตามค่าเริ่มต้น โดยจะต้องกดแป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนการทำงานกลับไปเป็นแป้นสื่อ หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์จะให้ผลการทำงานเป็นคำสั่งของแป้นสื่อตามค่าเริ่มต้นและคำสั่งของแป้นฟังก์ชันเมื่อกดแป้นค้นหาค้างไว้ อนุญาตการลงชื่อเข้าใช้ Chrome อนุญาตให้ทุกไซต์ตั้งค่าข้อมูลภายในเครื่อง อนุญาตให้แสดงภาพบนไซต์เหล่านี้ ใช้สคริปต์พร็อกซี .pac ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะหรี่แสงหน้าจอ เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น  ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน จนถึงรุ่น เปิดใช้งานคำแนะนำในการค้นหา อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายอุปกรณ์ เซิร์ฟเวอร์ที่ อาจมอบสิทธิ์ให้ แยกชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน (*) หากคุณปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า Chrome จะไม่มอบสิทธิ์ข้อมูลรับรองผู้ใช้ให้ แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์จะถูกตรวจพบว่าเป็นอินทราเน็ตก็ตาม ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าได้ว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ใดเรียกใช้ปลั๊กอินโดยอัตโนมัติบ้าง สามารถอนุญาตหรือปฏิเสธการเรียกใช้ปลั๊กอินโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดได้ คลิกเพื่อเล่นทำให้ปลั๊กอินสามารถทำงานได้ แต่ผู้ใช้ต้องคลิกที่ปลั๊กอินเพื่อเริ่มต้นการทำงาน หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ "อนุญาตปลั๊กอิน" จะถูกนำมาใช้ และผู้ใช้สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ นโยบายนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป เปิดใช้งานการใช้ STUN และเซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเมื่อเชื่อมต่อกับไคลเอ็นต์ระยะไกล หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน เครื่องนี้จะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องโฮสต์ระยะไกลแม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานและการเชื่อมต่อ UDP ขาออกถูกกรองโดยไฟร์วอลล์ เครื่องนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องโฮสต์ภายในเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น กำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากมีการใช้การอัปเดตของ เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" การรีบูตอัตโนมัติจะถูกกำหนดเวลาเมื่อมีการใช้การอัปเดตของ และจำเป็นต้องมีการรีบูตเพื่อดำเนินการขั้นตอนการอัปเดตให้เสร็จสมบูรณ์ การรีบูตถูกกำหนดเวลาไว้ทันที แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากในขณะนั้นมีผู้ใช้ใช้อุปกรณ์อยู่ ........เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดตของ ขั้นตอนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อผู้ใช้รีบูตอุปกรณ์ในครั้งถัดไป หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานเฉพาะในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบกำลังแสดงหรือเซสชันแอปคีออสก์กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และนโยบายจะบังคับใช้อยู่เสมอ โดยไม่คำนึงว่าจะมีเซสชันประเภทใดๆ กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่ เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์ก ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น กำหนด ID ของส่วนขยายที่จะใช้เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ส่วนขยายนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ AppPack ซึ่งได้รับการกำหนดค่าสำหรับโดเมนนี้ผ่านทางนโยบาย DeviceAppPack อนุญาตให้คุณระบุว่าจะอนุญาตให้ URL ใดติดตั้งส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และธีมได้บ้าง นับตั้งแต่ Chrome 21 การติดตั้งส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และสคริปต์ของผู้ใช้จากภายนอก Chrome เว็บสโตร์เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้สามารถคลิกที่ลิงก์เพื่อไปยังไฟล์ *.crx จากนั้น Chrome จะเสนอให้ติดตั้งไฟล์หลังจากแสดงคำเตือนสองสามรายการ แต่หลังจาก Chrome 21 เป็นต้นมา ไฟล์ดังกล่าวจะต้องถูกดาวน์โหลดและลากไปยังหน้าการตั้งค่าของ Chrome การตั้งค่านี้อนุญาตให้บาง URL สามารถมีขั้นตอนการติดตั้งที่เก่าแต่ใช้งานง่ายได้ แต่ละรายการในรายการนี้เป็นรูปแบบการจับคู่สไตล์ส่วนขยาย (ดู http://code.google.com/chrome/extensions/match_patterns.html) ผู้ใช้จะสามารถติดตั้งรายการต่างๆ ได้โดยง่ายจาก URL ใดๆ ก็ตามที่ตรงกับรายการในรายการนี้ ทั้งตำแหน่งของไฟล์ *.crx และหน้าเว็บที่เริ่มการดาวน์โหลด (เช่น ข้อมูลอ้างอิง) จะต้องได้รับอนุญาตโดยรูปแบบเหล่านี้ ExtensionInstallBlacklist จะมีความสำคัญเหนือนโยบายนี้ ซึ่งหมายความว่า ส่วนขยายในรายการที่ไม่อนุญาตจะไม่ถูกติดตั้ง แม้ว่าจะปรากฏอยู่ในไซต์ในรายการนี้ก็ตาม จำกัดเวลาใช้งานของอุปกรณ์โดยการรีบูตอัตโนมัติ การหน่วงเวลาในการล็อกหน้าจอ เลือกกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างของดิสก์ระหว่างการล้างข้อมูลอัตโนมัติ (เลิกใช้แล้ว) ช่วยให้คุณกำหนดค่าโปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นเมื่อติดตั้ง การตั้งค่าเริ่มต้นจะอนุญาตให้เบราว์เซอร์โฮสต์แสดงผล แต่คุณเลือกแทนที่การตั้งค่านี้ได้และให้ แสดงผลหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC เปิดใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า การตั้งค่านี้มีประโยชน์สำหรับลูกค้าองค์กรที่ใช้โซลูชัน SSO ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานได้กับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่ได้ หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ จะมีการใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือปล่อยไว้โดยไม่ตั้งค่า จะมีการใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้อาจยังสามารถเปิดใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่าผ่านธงบรรทัดคำสั่งต่อไปนี้ enable-web-based-signin ในอนาคตการตั้งค่าแบบทดลองจะถูกลบออกเมื่อการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าสนับสนุนขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ SSO ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ป้องกันไม่ให้การส่งเสริมของแอปพลิเคชันไปปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ อนุญาตการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้ ไม่ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเลย กำหนดค่าภาษาแอปพลิเคชันใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนภาษาดังกล่าว หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะใช้ภาษาที่ระบุ หากภาษาที่กำหนดค่าไว้ไม่ได้รับการสนับสนุน "en-US" จะถูกนำมาใช้แทน หากคุณปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าการตั้งค่านี้ อาจใช้ภาษาที่ต้องการตามที่ผู้ใช้ระบุ (หากกำหนดค่าไว้) ภาษาของระบบ หรือภาษาทางเลือก "en-US" ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ถูกตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่ถูกพิจารณาว่าไม่ใช้งานในขณะกำลังเล่นไฟล์เสียง การดำเนินการนี้ป้องกันการหมดเวลาไม่ใช้งาน และป้องกันการไม่ใช้งาน แต่จะยังมีการดำเนินการหรี่แสงหน้าจอ การปิดหน้าจอ และการล็อกหน้าจอหลังจากได้กำหนดค่าระยะหมดเวลาแล้ว โดยไม่มีผลกับกิจกรรมเสียง หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็นเท็จ กิจกรรมเสียงจะไม่ป้องกันผู้ใช้การจากถูกพิจารณาว่าไม่ใช้งาน กำหนดค่าตัวเลือก Google ไดรฟ์ ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตสำหรับการอัปเดต กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกล เก็บคุกกี้ไว้ในระหว่างช่วงเวลาของเซสชัน เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอ อนุญาตให้ เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปลั๊กอินเก่าจะถูกนำมาใช้เป็นปลั๊กอินปกติ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปลั๊กอินเก่าจะไม่ถูกใช้ และระบบจะไม่สอบถามสิทธิ์ในการเรียกใช้ปลั๊กอินเก่าจากผู้ใช้ หากคุณไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ระบบจะสอบถามสิทธิ์ในการเรียกใช้ปลั๊กอินเก่าจากผู้ใช้ กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกลใน คุณลักษณะเหล่านี้จะถูกละเว้นไปถ้าไม่มีการติดตั้งเว็บแอปพลิเคชันสำหรับการเข้าถึงระยะไกล ผู้ดูแลระบบ IT สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรสามารถใช้การตั้งสถานะนี้เพื่อควบคุมว่าจะอนุญาตผู้ใช้ให้แลกรับข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ไหม หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่มีการตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถแลกรับข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ได้ หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นเท็จ ผู้ใช้จะไม่สามารถแลกรับข้อเสนอพิเศษได้ คุณสามารถระบุ URL ไปยังไฟล์ .pac พร็อกซีได้ที่นี่ นโยบายนี้จะมีผลในกรณีที่คุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีการระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น คุณควรปล่อยให้นโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่าหากคุณได้เลือกโหมดอื่นใดแล้วสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี สำหรับตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ เวอร์ชัน 29 กำหนดการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งาน กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุหรือเปิดใช้งานการตั้งค่าสถานะให้แจ้งตำแหน่งการดาวน์โหลดทุกครั้งหรือไม่ก็ตาม ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ไดเรกทอรีดาวน์โหลดที่เป็นค่าเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ปิดใช้งานการใช้โปรโตคอล SPDY ใน หากนโยบายนี้ถูกเปิดใช้งาน โปรโตคอล SPDY จะไม่สามารถใช้ได้ใน การตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้งานจะทำให้สามารถใช้ SPDY ได้ และหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ก็จะสามารถใช้ SPDY ได้ พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาที่ใช้ POST ใช้ โดยค่าเริ่มต้น ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้ กำหนดประเภทของหน้าแรกเริ่มต้นใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงค่ากำหนดหน้าแรก หน้าแรกสามารถตั้งค่าให้เป็น URL ที่คุณระบุหรือตั้งค่าเป็นหน้าแท็บใหม่ก็ได้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกเสมอ และระบบจะไม่สนใจตำแหน่ง URL ของหน้าแรก หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าแรกของผู้ใช้จะไม่เป็นหน้าแท็บใหม่ นอกจากว่า URL ของหน้าจะได้รับการตั้งค่าเป็น "chrome://newtab" หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนประเภทของหน้าแรกได้ใน การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกของตนหรือไม่ ระงับการแจ้งเตือนการปฏิเสธของ การตั้งค่า JavaScript เริ่มต้น บล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สาม การเปิดใช้งานการตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้คุกกี้ถูกตั้งค่าโดยองค์ประกอบของหน้าเว็บที่ไม่ได้มาจากโดเมนที่อยู่ในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ การปิดใช้งานการตั้งค่านี้จะช่วยให้คุกกี้ถูกตั้งค่าโดยองค์ประกอบของหน้าเว็บที่ไม่ได้มาจากโดเมนที่อยู่ในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์และช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ คุกกี้ของบุคคลที่สามจะเปิดใช้งาน แต่ผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ กำหนดค่าบัญชีดำการรับส่งข้อความดั้งเดิม ปิดกั้น JavaScript บนไซต์เหล่านี้ นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้ โดยจะใช้ ProxyMode แทน ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้โดย และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกข้ามไป หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจจับพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดจะถูกข้ามไป หากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณสามารถระบุตัวเลือกอื่นๆ ต่อไปใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์", "URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" สำหรับตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะข้ามตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพร็อกซีที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการที่ผู้ใช้ต้องยอมรับก่อนเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ หากนโนบายนี้ถูกตั้งค่า จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการและแสดงต่อผู้ใช้เมื่อใดก็ตามที่กำลังจะเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้เข้าเซสชันได้หลังจากที่ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการแล้วเท่านั้น หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการแสดงข้อกำหนดในการให้บริการ นโยบายควรที่จะถูกติดตั้งลงใน URL ที่ สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการได้ โดยข้อกำหนดในการให้บริการจะต้องเป็นข้อความล้วน ซึ่งทำงานเป็นข้อความ/ล้วนชนิด MIME ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป รอกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ใช้ ไม่ใช้พร็อกซี รายงานรายชื่อผู้ใช้อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบเมื่อเร็วๆ นี้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่มีการรายงานผู้ใช้ กำหนดค่าการจัดการพลังงานบนหน้าจอเข้าสู่ระบบใน นโยบายนี้ให้คุณกำหนดค่าวิธีการทำงานของ เมื่อไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งๆ ขณะที่กำลังแสดงหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายจะควบคุมการตั้งค่าหลายอย่าง สำหรับอรรถศาสตร์ส่วนบุคคลและช่วงค่า โปรดดูนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งควบคุมการจัดการพลังงานภายในเซสชัน ความคลาดเคลื่อนเดียวจากนโยบายดังกล่าวได้แก่ * การดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานหรือเมื่อปิดฝาเครื่องไม่สามารถเป็นการปิดเซสชัน * การดำเนินการเริ่มต้นเมื่อไม่มีการใช้งานขณะใช้ไฟ AC คือการปิดระบบ หากไม่ได้ระบุการตั้งค่า ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับการตั้งค่าทั้งหมด การกำหนดค่าเครือข่ายระดับอุปกรณ์ เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์เมื่อไคลเอ็นต์ระยะไกลพยายามสร้างการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้ หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ไคลเอ็นต์ระยะไกลสามารถใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์เพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เมื่อไม่สามารถทำการเชื่อมต่อโดยตรง (เช่น เนื่องจากข้อจำกัดด้านไฟร์วอลล์) โปรดทราบว่าหากปิดใช้นโยบาย ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้ หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้การตั้งค่า ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีการใช้งานเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่า จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะไม่มีการใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกกันได้ เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที URL ของหน้าแรก จะข้ามพร็อกซีสำหรับรายการของโฮสต์ที่ให้ไว้ในที่นี้ นโยบายนี้จะมีผลในกรณีที่คุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีการระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น คุณควรปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าหากคุณได้เลือกโหมดอื่นใดแล้วสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่: ระบุจำนวนวินาทีสูงสุดที่อุปกรณ์อาจสุ่มหน่วงเวลาการดาวโหลดการอัปเดตนับตั้งแต่ที่มีการส่งการอัปเดตไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งรอขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นและใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการตรวจสอบการอัปเดตจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าในกรณีใด การกระจายจะเข้าใกล้ขอบเขตบนของระยะเวลาคงที่ อุปกรณ์จึงไม่ต้องค้างรอการดาวน์โหลดการอัปเดตอย่างไม่สิ้นสุด ตั้งสถานะเริ่มต้นของแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึง นโยบายในการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP เวอร์ชันเบต้า หากถูกตั้งค่าเป็น "จริง" การรับรองระยะไกลที่ได้รับอนุญาตสำหรับอุปกรณ์และใบรับรองจะถูกสร้างและอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ หากถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือหากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการสร้างใบรับรองใดๆ และการติดต่อกับ API ส่วนขยาย enterprise.platformKeysPrivate จะล้มเหลว กำหนดค่ารายการบุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ นโยบายนี้คือรายการบุ๊กมาร์ก และแต่ละบุ๊กมาร์กก็คือพจนานุกรมที่มี "ชื่อ" บุ๊กมาร์กและ "URL" เป้าหมาย บุ๊กมาร์กเหล่านี้จะถูกนำไปวางไว้ในโฟลเดอร์บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการภายในบุ๊กมาร์กบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ บุ๊กมาร์กเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้โดยผู้ใช้ เมื่อนโยบายนี้ถูกกำหนด บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการคือโฟลเดอร์เริ่มต้นที่เปิดเมื่อมุมมองบุ๊กมาร์กถูกเปิดใน Chrome บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการจะไม่ถูกซิงค์ไปยังบัญชีผู้ใช้ แสดงตัวเลือกการเข้าถึง ในเมนูระบบ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ตัวเลือกการเข้าถึงจะแสดงในเมนูถาดระบบเสมอ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ตัวเลือกการเข้าถึงจะไม่แสดงในเมนูถาดระบบ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย ตัวเลือกการเข้าถึงจะไม่แสดงในเมนูถาดระบบ แต่ผู้ใช้สามารถทำให้ตัวเลือกการเข้าถึงปรากฏได้จากหน้าการตั้งค่า ระบุไลบรารี GSSAPI ที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP คุณสามารถตั้งค่าเฉพาะชื่อไลบรารีหรือเส้นทางแบบเต็ม หากไม่มีการตั้งค่าใด จะกลับไปใช้ชื่อไลบรารีเริ่มต้น เตือนเมื่อไปที่เว็บไซต์ภายนอกชุดเนื้อหา เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลแทนการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้ หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะต้องระบุรหัสแบบสองปัจจัยที่ถูกต้องเมื่อเข้าถึงโฮสต์ หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถใช้สองปัจจัยดังกล่าวได้และจะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งเป็นการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้แทน จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในเครื่องนี้ หากไม่กำหนดนโยบายหรือกำหนดค่าเป็นสตริงว่าง โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะได้รับอนุญาตให้ใช้พอร์ตใดก็ได้ที่ว่างอยู่ เว้นแต่ว่าจะมีการปิดใช้นโยบาย ซึ่งในกรณีดังกล่าว โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะใช้พอร์ต UDP ในช่วง 12400-12409 ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่  เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะปิดหน้าจอ เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้งาน เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดป๊อปอัป หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPopupsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง อนุญาตให้ใช้คุกกี้บนไซต์เหล่านี้ ประเภทของการเชื่อมต่อที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การเชื่อมต่อต้องทำงานหนักมากเนื่องจากขนาดของการอัปเดตและอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น การอัปเดตระบบดังกล่าวจะไม่ถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นสำหรับประเภทการเชื่อมต่อที่มีราคาสูง ซึ่งรวมถึง WiMax, บลูทูธ และการเชื่อมต่อมือถือ ณ เวลานี้ ตัวระบุประเภทการเชื่อมต่อที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ "อีเทอร์เน็ต", "WiFi", "WiMax", "บลูทูธ" และ "การเชื่อมต่อมือถือ" การตั้งค่าผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการในเครื่อง เปิดใช้เซิร์ฟเวอร์ STUN เมื่อไคลเอ็นต์ระยะไกลพยายามสร้างการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้ หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ไคลเอ็นต์ระยะไกลจะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องนี้แม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากปิดใช้การตั้งค่านี้และไฟร์วอลล์กรองการเชื่อมต่อ UDP ขาออก เครื่องนี้จะอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครื่องไคลเอ็นต์ภายใน LAN เท่านั้น หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้การตั้งค่า ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ จะหรี่แสงหน้าจอ เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อเรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบใน หากมีการระบุ จะมีการเพิ่มพารามิเตอร์การค้นหาชื่อ "ข้อจำกัด" ลงใน URL ที่ใช้เรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ ค่าพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้ หากไม่มีการระบุ จะไม่มีการแก้ไข URL ข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ เปิดใช้งาน ให้ทำการส่งเอกสารไปยัง สำหรับการพิมพ์ หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับการสนับสนุน ใน โดยไม่ได้ป้องกันผู้ใช้จากการส่งงานพิมพ์บนเว็บไซต์ หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ไป จากช่องโต้ตอบการพิมพ์ของ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ไม่สามารถพิมพ์ไป จากช่องโต้ตอบการพิมพ์ของ บังคับใช้โหมดไม่ระบุตัวตน ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของคุณลักษณะการเข้าถึงเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เสียงพูดตอบรับจะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดง หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดง หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานเสียงพูดตอบรับ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงอีกครั้งหรือผู้ใช้ยังคงไม่ได้ใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่า เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานเสียงพูดตอบรับได้ตลอดเวลา และสถานะของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงอยู่ระหว่างผู้ใช้ นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่ได้รับอนุญาตในการใช้ API คีย์แพลตฟอร์มของบริษัท chrome.enterprise.platformKeysPrivate.challengeUserKey() สำหรับการยืนยันจากระยะไกล โดยต้องเพิ่มส่วนขยายลงในรายการนี้เพื่อใช้ API หากส่วนขยายไม่อยู่ในรายการ หรือรายการไม่ได้รับการตั้งค่า การเรียกไปยัง API จะล้มเหลวโดยมีรหัสข้อผิดพลาด บริการ Google Safe Browsing แสดงหน้าคำเตือนเมื่อผู้ใช้ไปยังไซต์ที่ถูกตั้งค่าสถานะว่าอาจเป็นอันตราย การเปิดใช้การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ไปต่อจากหน้าคำเตือนไปยังไซต์ที่เป็นอันตราย หากการตั้งค่านี้ถูกปิดหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะไปยังไซต์ที่ถูกตั้งค่าสถานะหลังจากที่คำเตือนแสดงขึ้นมาได้ กำหนด URL ของหน้าแรกที่เป็นค่าเริ่มต้นใน และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง หน้าแรกนี้เป็นหน้าที่เปิดขึ้นเมื่อกดปุ่มหน้าแรก หน้าต่างๆ ที่เปิดเมื่อเริ่มต้นนั้นถูกควบคุมโดยนโยบาย RestoreOnStartup ประเภทของหน้าแรกสามารถตั้งเป็น URL ซึ่งคุณระบุที่นี่หรือตั้งค่าเป็นหน้าแท็บใหม่ก็ได้ หากคุณเลือกหน้าแท็บใหม่ นโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้  หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยน URL หน้าแรกของเขาใน ได้ แต่จะยังคงสามารถเลือกหน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกของเขาได้ การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกหน้าแรกของเขาเองได้หากไม่ได้ตั้งค่า HomepageIsNewTabPage ไว้ด้วยเช่นกัน อนุญาตให้เล่นเสียง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เอาต์พุตเสียงจะไม่สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ในขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ นโยบายนี้มีผลกับเอาต์พุตเสียงทุกประเภท ไม่ใช่เฉพาะกับลำโพงในตัวเท่านั้น นอกจากนี้คุณลักษณะด้านความสามารถในการเข้าถึงของเสียงยังถูกห้ามใช้งานเนื่องจากนโยบายนี้อีกด้วย อย่าเปิดใช้งานนโยบายนี้หากผู้ใช้ต้องการใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอ หากตั้งการตั้งค่านี้ไว้ที่ "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะสามารถใช้เอาต์พุตเสียงที่สนับสนุนทั้งหมดบนอุปกรณ์ของตน อนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ